DTAC เที่ยวจันทบุรี

ดีแทคชวนเดิน ปั่น เที่ยวไปกับ Low Carbon Destination สัมผัสวิถีชีวิตชุมชนบนเส้นทางเน็ตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ จ.จันทบุรี พลิกฟื้นการท่องเที่ยวไทย ในวันคุ้มครองโลก 2565

กิจกรรมเกือบทุกกิจกรรมที่เราทำ มีส่วนในการปล่อยก๊าซคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศ ส่งผลกระทบต่อสภาวะอากาศรวนและโลกร้อนแทบทั้งสิ้น

Home / PR NEWS / ดีแทคชวนเดิน ปั่น เที่ยวไปกับ Low Carbon Destination สัมผัสวิถีชีวิตชุมชนบนเส้นทางเน็ตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ จ.จันทบุรี พลิกฟื้นการท่องเที่ยวไทย ในวันคุ้มครองโลก 2565

กิจกรรมเกือบทุกกิจกรรมที่เราทำ มีส่วนในการปล่อยก๊าซคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศ ส่งผลกระทบต่อสภาวะอากาศรวนและโลกร้อนแทบทั้งสิ้น หากเราใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทาง จะส่งผลให้เกิดการเผาผลาญน้ำมันเบนซิน 1 ลิตร ต่อการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 2.3 กิโลกรัม การคุยโทรศัพท์ 1 นาที ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 57 กรัม หรือแม้กระทั่งการใช้งานอินเทอร์เน็ตตลอดการเดินทาง ก็นำไปสู่การใช้พลังงานไฟฟ้าในโครงข่ายสัญญาณของผู้ให้บริการ เป็นการปล่อยก๊าซคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศในทางอ้อมได้เช่นกัน

ปัจจุบันการใช้พลังงานของผู้ให้บริการเครือข่ายอย่างดีแทค กระจุกตัวอยู่ที่การให้บริการโครงข่ายถึง 97% ขณะที่อีกส่วนนั้นอยู่ที่ศูนย์ดาต้าและศูนย์ชุมสาย ดีแทคจึงมุ่งเน้นการดำเนินงานเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการใช้พลังงานด้วยการใช้พลังของข้อมูลในการวิเคราะห์ ระบุจุดอ่อน และช่องว่างในการใช้พลังงาน เพื่อการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนที่ตรงจุด มีประสิทธิภาพและเพื่อการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ลดลง รวมถึงการทำงานร่วมกับภาครัฐ หน่วยงานกำกับดู และผู้เล่นในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม เพื่อร่วมหาโอกาสในการพัฒนาแหล่งพลังงานทดแทน มุ่งสู่เป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการธุรกิจให้ได้ 50% ภายในปี 2573 ที่ผ่านมา ดีแทคมีการเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานในโครงข่ายสู่พลังงานแสงอาทิตย์ไปแล้ว 25 สถานี ตั้งเป้าเปลี่ยนผ่าน 500 สถานีภายในสิ้นปี 2565

และเนื่องในวันคุ้มครองโลก 2565 ดีแทคชวนเดิน ปั่น เที่ยวไปกับ Low Carbon Destination สัมผัสวิถีชีวิตชุมชนบนเส้นทางเน็ตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รับเทรนด์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อทริปให้ได้มากที่สุด ที่จ.จันทบุรี

ชุมชนริมน้ำจันทบูร วัฒนธรรม สถาปัตยกรรม และวิถีชีวิตที่เก่าแก่กว่า 300 ปี

จุดหมายที่สายปั่นจักรยานต้องไม่พลาด ชุมชนริมน้ำจันทบูร หรือ ย่านท่าหลวง แต่เดิมเคยเป็นศูนย์กลางการค้าที่ใหญ่ที่สุดในจ.จันทบุรี บ้านเรือนและวิถีชีวิตของคนในชุมชนตลอด 2 ข้างทาง ยังคงอนุรักษ์ไว้ซึ่งสถาปัตยกรรมและความเป็นอยู่แบบเดิมมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นเส้นทางประวัติศาสตร์ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 300 ปี

ตลาดค้าพลอยที่ใหญ่ที่สุดในไทย ดังไกลระดับโลก

จังหวัดจันทบุรีเป็นแหล่งขุมทรัพย์อัญมณีของภาคตะวันออก และเป็นแหล่งค้าพลอยที่สำคัญของโลก หากอยากเลือกซื้อเครื่องประดับให้หนำใจ เดิน slow life กับเครื่องประดับสวย ๆ ต้องไม่พลาดตลาดพลอยหรือถนนอัญมณี ที่ตลอด 2 ข้างทางจะมีร้านเจียระไนพลอย ร้านค้าอัญมณี ร้านเครื่องประดับให้เลือกมากกว่า 120 ร้าน หรือหากอยากเรียนรู้การขุดพลอยไปกับแหล่งเรียนรู้เชิงอนุรักษ์ ก็สามารถสอบถามคนในพื้นที่ได้เช่นเดียวกัน

โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล โบสถ์คริสต์ที่ใหญ่ งดงาม และเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย

หากเดินหรือปั่นจักรยานไปจนถึงโซนท้ายสุดของชุมชนริมน้ำจันทบูร จะเจอกับโบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล โบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิกที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย มีประวัติการก่อสร้างยาวนานกว่า 275 ปี ตัวโบสถ์มีการออกแบบด้วยรูปทรงสถาปัตยกรรมแบบเดียวกับมหาวิหารนอร์ทเทอร์ดาม กรุงปารีส เดินเข้าไปด้านในจะพบกับสถาปัตยกรรมฝาผนังที่สวยงามเตะตา ด้วยกระจกสีนำเข้าจากฝรั่งเศสมีอายุกว่า 100 ปี

แวะกราบสักการะ หลวงพ่อแก้วสารพัดนึก เดินกินลม ชมวิถีชีวิตชาวประมงที่วัดเขาแหลมสิงห์

แวะกราบสักการะ หลวงพ่อแก้วสารพัดนึกกันที่วัดเขาแหลมสิงห์ ริมปากแม่น้ำแหลมสิงห์ จ.จันทบุรี ตัวพระอุโบสถมีความโดดเด่นด้วยสีขาวทั้งหลัง หากยืนชมวิวจากบริเวณของวัด จะเห็นความสวยงามของสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่ทอดยาวกว่า 1 กิโลเมตร และยังได้เห็นทิวทัศน์ของเรือประมงที่จอดเรียงรายและวิถีชีวิตชุมชนชาวประมงตลอดท่าเทียบเรือแหลมสิงห์