Michelin Michelin Pilot Sport 5 Michelin Road 6 มิชลิน ยางรถจักรยานยนต์ ยางรถยนต์

Michelin เปิดตัวยางรถยนต์ Pilot Sport 5 – ยางมอเตอร์ไซค์ Road 6 รุ่นใหม่ล่าสุด

มิชลิน เปิดตัวยางรถยนต์ Pilot Sport 5 และ ยางมอเตอร์ไซค์ Road 6 / Road 6 GT รุ่นใหม่ล่าสุด อย่างเป็นทางการ

Home / PR NEWS / Michelin เปิดตัวยางรถยนต์ Pilot Sport 5 – ยางมอเตอร์ไซค์ Road 6 รุ่นใหม่ล่าสุด

มิชลิน ผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยียางรถยนต์ระดับโลก เปิดตัวยางรุ่นล่าสุดทั้ง 2 รุ่น ได้แก่ ‘MICHELIN Pilot Sport 5′ (มิชลิน ไพลอต สปอร์ต 5) ที่ออกแบบเป็นพิเศษเพื่อรองรับสำหรับรถสปอร์ต และรถสมรรถนะสูง และ ‘MICHELIN Road 6’ (มิชลิน โรด 6) ยางที่ออกแบบเป็นพิเศษสำหรับรถจักรยานยนต์ประเภทสปอร์ตทัวริ่งอย่างเป็นทางการ

MICHELIN Pilot Sport 5

MICHELIN Pilot Sport 5

ยางสมรรถนะสูงรุ่นที่ 5 ในตระกูล ‘ไพลอต สปอร์ต’ ซึ่งมุ่งเจาะกลุ่มผู้ชื่นชอบรถสปอร์ตแ ละรถสมรรถนะสูงด้วยคุณสมบัติเด่นในการมอบ “ทะยานให้สุดเต็มสมรรถนะ…พร้อมความมั่นใจที่ไกลกว่า”(1) พร้อมทั้งให้สุนทรียภาพในการขับขี่อย่างมีสไตล์และสนุกเร้าใจเต็มพิกัด

คุณสมบัติเด่นของยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต 5’ ได้แก่

MICHELIN Pilot Sport 5
  • ขับขี่อย่างมั่นใจด้วยศักยภาพในการยึดเกาะที่ดีเยี่ยมยาวนาน ให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสประสิทธิภาพในการบังคับควบคุมสูงสุด พร้อมด้วยสมรรถนะในการยึดเกาะและการเบรกที่ดีเยี่ยมทั้งบนถนนแห้ง(2) และถนนเปียก(3) ซึ่งเป็นผลมาจากเทคโนโลยีดอกยางแบบคู่ดีไซน์สปอร์ต (Dual Sport Tread Design Technology) ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากประสบการณ์ด้านกีฬามอเตอร์สปอร์ต โดยดอกยางด้านในมีร่องดอกยางขนาดใหญ่และอัตราส่วนพื้นที่ร่องรีดน้ำระดับสูง จึงให้สมรรถนะการยึดเกาะและการหยุดรถที่ดีบนพื้นเปียก และดอกยางด้านนอกมีบล็อกดอกยางที่แข็งแกร่งเพื่อการยึดเกาะบนถนนแห้งที่ดียิ่งกว่า รวมทั้งร่องรีดน้ำแบบ Groove Clear ซึ่งเป็นการทำงานผสานกันระหว่างร่องดอกยางขนาดใหญ่ตามแนวยาวที่ระบายน้ำไปยังร่องบากขนาดกว้างตามแนวขวางเพื่อรีดน้ำออกจากยางอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ขับสนุกเร้าใจยิ่งกว่า พร้อมโลดแล่นไปได้ไกลกว่าที่เคย(1) ให้สมรรถนะสูงยาวนานตลอดอายุใช้งาน โดยตอบสนองต่อการบังคับควบคุมรถอย่างมีประสิทธิภาพและฉับไวแม่นยำ อันเป็นผลมาจากเทคโนโลยี Dynamic Response ซึ่งใช้เข็มขัดรัดหน้ายางแบบไฮบริด (Hybrid Belt) ที่ผสานวัตถุดิบประเภทอะรามิดและไนลอนเข้าด้วยกันเพื่อให้ประสิทธิภาพสูงสูดในการส่งกำลังควบคุมทุกการบังคับเลี้ยวสู่พื้นถนน รวมทั้งโครงสร้าง MaxTouch ที่ช่วยเพิ่มพื้นที่หน้าสัมผัสระหว่างยางล้อกับพื้นผิวถนน ทั้งยังกระจายแรงกดอย่างสม่ำเสมอตลอดหน้ายางขณะเร่งความเร็ว เบรก และเข้าโค้ง หน้ายางจึงมีอายุใช้งานยาวนานขึ้นโดยยังคงให้สมรรถนะดีดังเดิม
  • ผสานสไตล์และสมรรถนะอย่างลงตัว ด้วยดีไซน์แก้มยางแบบ Premium Touch ที่มีลักษณะพื้นผิวคล้ายกำมะหยี่และให้ความแตกต่างระหว่างเฉดสีดำที่ตัดกัน และสัญลักษณ์ Wear2Check ตัวบ่งชี้การสึกหรอของดอกยางที่ค้นหาและอ่านค่าได้ง่าย ช่วยเพิ่มความสะดวกแก่ผู้ขับขี่ในการตรวจสอบความลึกของร่องดอกยางเพื่อดูแลยืดอายุการใช้งานของยางให้ยาวนานสูงสุด

ปัจจุบัน ยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต 5’ มีวางจำหน่ายแล้ว ณ ร้านตัวแทนจำหน่ายยางอย่างเป็นทางการของมิชลินทั่วประเทศ โดยมีให้เลือกรวมทั้งสิ้น 43 ขนาด ตั้งแต่ขอบ 17 ถึง 21 นิ้ว คลิกอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.michelin.co.th

(1) การทดสอบการสึกหรอของดอกยาง ซึ่งจัดทำโดยศูนย์ทดสอบ DEKRA (บุคคลที่สาม) ณ เมืองนาร์บอนน์ (Narbonne) ประเทศฝรั่งเศส ในเดือนมิถุนายน และเดือนกันยายนถึงตุลาคม 2564 โดยใช้ยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต 5’ ขนาด 225/40 R18 92Y XL ที่ติดตั้งกับรถโฟล์คสวาเกน รุ่น ‘กอล์ฟ 8’ พบว่ายาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต 5’ มีอายุใช้งานยาวนานกว่ายางคู่แข่งระดับพรีเมียมอื่นๆ ถึง 33.5% อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างออกไป ขึ้นอยู่กับสภาพรถยนต์ที่ใช้ สภาพถนน และสภาพอากาศ

(2) การทดสอบการเบรกบนถนนแห้ง ซึ่งจัดทำภายนอกองค์กรโดย TÜV SÜD Product Service ตามคำขอของมิชลิน เมื่อเดือนมิถุนายน 2564 ที่ความเร็วระหว่าง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยใช้ยางขนาด 225/40 ZR18 XL 92Y ที่ติดตั้งกับรถโฟล์คสวาเกน รุ่น ‘กอล์ฟ 8’ พบว่า ยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต 5’ มีระยะเบรกสั้นกว่ายางคู่แข่งระดับพรีเมียมอื่นๆ อยู่ที่ 1.3 เมตร เมื่อใช้งานบนถนนแห้ง อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างออกไปขึ้นอยู่กับสภาพรถยนต์ที่ใช้ สภาพยาง และพฤติกรรมการขับขี่

(3) จากการทดสอบการเบรกบนถนนเปียก ซึ่งจัดทำภายนอกองค์กรโดย TÜV SÜD Product Service ตามคำขอของมิชลิน เมื่อเดือนมิถุนายน 2564 ที่ความเร็วระหว่าง 20-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยใช้ยางขนาด 225/40 ZR18 XL 92Y ที่ติดตั้งกับรถโฟล์คสวาเกน รุ่น ‘กอล์ฟ 8’ พบว่า ยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต 5’ มีระยะเบรกสั้นกว่ายางคู่แข่งระดับพรีเมียมอื่นๆ อยู่ที่ 1.4 เมตร (ยางใหม่) และ 4.0 เมตร (ยางใกล้หมดดอก) เมื่อใช้งานบนถนนเปียก [“ใกล้หมดดอก” ในที่นี้หมายถึงถูกทำให้สึกหรอด้วยเครื่องจักรจนลึกถึงสะพานยางตามระเบียบข้อบังคับของยุโรปเรื่องสะพานยาง (ECE R30r03f)] อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างออกไปขึ้นอยู่กับสภาพรถยนต์ที่ใช้ สภาพยาง และพฤติกรรมการขับขี่


MICHELIN Road 6

MICHELIN Road 6

ผลิตภัณฑ์ยางรุ่นล่าสุดในตระกูลยางสปอร์ตทัวริ่งที่โดดเด่นเหนือกว่ายางประเภทเดียวกันในตลาด โดยยางรุ่นนี้พัฒนาขึ้นเพื่อมอบสมรรถนะที่เป็นเยี่ยม ทั้งด้านศักยภาพการยึดเกาะ อายุการใช้งาน การบังคับควบคุม และความสะดวกสบายขณะขับขี่ ให้กับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ประเภทโรดสเตอร์ (Roadsters), จักรยานยนต์วิบาก (Trail Bikes), จักรยานยนต์สไตล์สปอร์ต (Sportsbikes) และจักรยานยนต์ประเภทแกรนด์ทัวริ่ง (GT Motorcycles)

การเปิดตัวครั้งนี้ไม่เพียงนำเสนอผลิตภัณฑ์ยางกลุ่มมาตรฐานซึ่งครอบคลุมขนาดยางสำหรับใช้งานกับจักรยานยนต์วิบากขนาดใหญ่ (Big Trail Bikes) แต่ยังแนะนำยาง ‘MICHELIN Road 6 GT’ (มิชลิน โรด 6 จีที) ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับรถจักรยานยนต์ประเภทแกรนด์ทัวริ่งโดยเฉพาะอีกด้วย

ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นโดยวิศวกรประจำศูนย์วิจัยและพัฒนาของมิชลิน ส่งผลให้ยาง ‘MICHELIN Road 6’ มีสมรรถนะในการยึดเกาะถนนเปียกสูงขึ้นถึง 15%* ทั้งยังมีอายุการใช้งานเพิ่มขึ้น 10%** เมื่อเทียบกับยาง ‘MICHELIN Road 5’ รุ่นก่อนหน้า

นอกจากนี้ พัฒนาการที่เหนือกว่าในด้านสมรรถนะของยางรุ่นนี้ยังเป็นผลมาจากดอกยางดีไซน์ใหม่ การใช้วัตถุดิบจากเทคโนโลยีขั้นสูง และโครงสร้างยางที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุด

ดีไซน์ดอกยาง

  • อัตราส่วนพื้นที่ร่องรีดน้ำมีประสิทธิภาพสูงสุดอยู่ที่ 14% (อัตราส่วนของร่องดอกยางต่อเนื้อยาง) ส่งผลให้มีสมรรถนะในการยึดเกาะระดับสูงทั้งบนถนนเปียกและถนนแห้ง อัตราส่วนดังกล่าวไม่เปลี่ยนแปลงขณะขับขี่เข้าโค้งจึงให้การตอบสนองที่สม่ำเสมอ
  • เทคโนโลยี MICHELIN Water EverGrip ซึ่งเป็นเทคโนโลยีร่องระบายน้ำบนหน้ายางสิทธิบัตรเฉพาะของมิชลินที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้ประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนเปียกในระดับสูงและเสริมสร้างความมั่นใจขณะขับขี่ท่ามกลางสภาพอากาศชื้นแฉะ โดยร่องระบายน้ำดังกล่าวออกแบบให้เปิดกว้างยิ่งขึ้นเมื่อยางผ่านการใช้งานเป็นระยะทางมากขึ้น
  • มุมเอียงของร่องดอกยางและร่องระบายน้ำบนหน้ายาง มีความยาวมากขึ้นเพื่อประสิทธิภาพในการวิ่งตัดผ่านฟิล์มน้ำและยึดเกาะพื้นผิวถนน

วัตถุดิบ

  • สูตรเนื้อยางที่ผลิตจากซิลิกา 100% โดยใช้เทคโนโลยี MICHELIN Silica ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะบนถนนที่ชื้นแฉะและท่ามกลางสภาพอากาศหนาวเย็น โดยยังคงมีอายุการใช้งานยาวนานเป็นเยี่ยมดังเดิม
  • เทคโนโลยีเนื้อยางคู่ MICHELIN 2CT+ ทั้งล้อหน้าและล้อหลัง โดยแต่ละส่วนของดอกยางให้คุณสมบัติเชิงสมรรถนะที่แตกต่างกัน เนื้อยางใต้ฐานดอกยางมีความแข็งกว่าเพื่อให้ความมั่นคงขณะเข้าโค้ง ขณะที่เนื้อยางส่วนบนของดอกยางซึ่งสัมผัสพื้นผิวถนนจะมีความนุ่มกว่าเพื่อให้สมรรถนะการยึดเกาะที่ดีเยี่ยม ทั้งยังช่วยให้ขับขี่ได้ระยะทางมากขึ้นบนถนนเปียกและถนนแห้ง

โครงสร้างยาง

  • เทคโนโลยี MICHELIN Radial X Evo ชั้นโครงสร้างยางแบบทำมุม 90 องศาบริเวณหน้ายางช่วยให้ยางมีหน้าสัมผัสกว้างจึงให้การยึดเกาะสูงทั้งเมื่อขับขี่ในแนวตรงและเมื่อขับทำมุมเอียง แก้มยางของยางรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี Radial X Evo มีการเรียงชั้นเนื้อยางแบบพิเศษเพื่อให้ยางมีความยืดหยุ่นและให้ความสบายขณะขับขี่ยิ่งขึ้นเนื่องจากช่วยดูดซับความขรุขระของผิวถนน ทั้งยังช่วยรักษาเสถียรภาพของยางขณะขับขี่ที่ความเร็วสูง จึงเหมาะสำหรับใช้งานกับจักรยานยนต์ที่มีกำลังสูง ในเชิงประสิทธิภาพโดยรวม…เทคโนโลยีนี้ยังช่วยเพิ่มสมรรถนะให้ยางตอบสนองต่อการบังคับควบคุมได้อย่างดีเยี่ยม ส่งผลให้ขับขี่ได้สนุกเร้าใจและปลอดภัย
  • เทคโนโลยี MICHELIN Aramid Shield ซึ่งใช้โครงยางที่มีความหนาแน่นสูงและแข็งแกร่งมากขึ้นช่วยให้ประสิทธิภาพในการตอบสนองต่อการบังคับควบคุมเป็นเยี่ยม โดยชั้นดอกยางที่ทำจากอะรามิดไม่เพียงทนทานต่อการขยายตัวของยางเมื่อเกิดแรงเหวี่ยงขณะขับขี่ที่ความเร็วสูง แต่ยังช่วยให้ยางมีน้ำหนักลดลง และมีเสถียรภาพเป็นเยี่ยมอีกด้วย

ก้าวล้ำไปกับ “ความแปลกใหม่ครั้งแรก”

MICHELIN Road 6

เนื่องจากเล็งเห็นว่าผู้ขับขี่ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ของรถจักรยานยนต์ ‘MICHELIN Road 6’ จึงเป็นยางรถจักรยานยนต์รุ่นแรกในตระกูล ‘MICHELIN Road’ ที่ใช้เทคโนโลยี MICHELIN Premium Touch Design ซึ่งทำให้ได้แก้มยางที่มีลักษณะพื้นผิวคล้ายกำมะหยี่ (Micro Geometry) และให้ความแตกต่างระหว่างเฉดสีเทาดำที่ตัดกัน ส่งผลให้สัญลักษณ์บนยางโดดเด่นชัดเจนขึ้นและให้ภาพลักษณ์โดยรวมที่เตะตาอย่างมีสไตล์

พบกับยาง ‘MICHELIN Road 6’ ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ณ ร้านตัวแทนจำหน่ายยางมิชลิน โดยมียางล้อหน้า 6 ขนาด และยางล้อหลัง 8 ขนาด ให้เลือกใช้ ขณะที่ยาง ‘MICHELIN Road 6 GT’ มียางล้อหน้าวางจำหน่าย 1 ขนาด และยางล้อหลัง 3 ขนาด ผลิตภัณฑ์ยางรุ่นล่าสุดนี้รองรับการติดตั้งกับรถจักรยานยนต์หลากหลายประเภท ตั้งแต่โรดสเตอร์ขนาดเล็ก เช่น KTM 390 ไปจนถึงจักรยานยนต์สไตล์สปอร์ตและจักรยานยนต์วิบาก รวมถึงจักรยานยนต์ประเภทแกรนด์ทัวริ่ง เช่น BMW K1600 GT/GTL