ธัญ (THANN) ร่วมกับโฮมสไตลิสต์สาวมากฝีมือ แนะไอเดียการตกแต่งบ้านสวยมีสไตล์ ผ่อนคลายด้วยกลิ่นหอม (Aromatherapy)

ธัญ (THANN) ร่วมกับโฮมสไตลิสต์สาวมากฝีมือ แนะไอเดียการตกแต่งบ้านสวยมีสไตล์ ผ่อนคลายด้วยกลิ่นหอม (Aromatherapy)

Home / PR NEWS / ธัญ (THANN) ร่วมกับโฮมสไตลิสต์สาวมากฝีมือ แนะไอเดียการตกแต่งบ้านสวยมีสไตล์ ผ่อนคลายด้วยกลิ่นหอม (Aromatherapy)

“เมื่อบ้านไม่ได้เป็นแค่ที่อยู่อาศัยอีกต่อไป” เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิดส่งผลต่อวิถีการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คน “บ้าน” สถานที่ที่เคยเป็นเพียงที่อยู่อาศัยจึงถูกเปลี่ยนบทบาทและรูปแบบการใช้งานให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเป็นทั้งออฟฟิศ ห้องประชุม ห้องเรียน คาเฟ่ ฟิตเนส หรือแม้กระทั่งโรงภาพยนตร์ขนาดย่อมไปในตัว การสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับแต่ละพื้นที่การใช้งานภายในบ้านจึงเป็นสิ่งสำคัญ แบรนด์ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม ‘ธัญ’ (THANN) จึงได้ร่วมกับโฮมสไตลิสต์สาวมากฝีมือ อวน – วยา ดุลยบวรกุล แนะ “ไอเดียแต่งบ้านสวยมีสไตล์พร้อมผ่อนคลายด้วยกลิ่นหอมบำบัด (Aromatherapy)” กับผลิตภัณฑ์ ‘เครื่องกระจายกลิ่นหอม’ (Electric Aroma diffuser), ‘น้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ’ (Pure essential oil), ‘ก้านไม้หอม’ (Aroma diffuser), ถุงหอม (Aroma charm) และ สเปรย์น้ำหอม (Fragrance mist) พร้อมเชิญเหล่าเซเลบริตี้ผู้รักการตกแต่งบ้าน อาทิ ธัญวรรณ เทพหัสดิน ณ อยุธยา, เอมษิกา โชติวิจิตร และ วนิดา โกลเทน มาร่วมเผยเคล็ดลับการเลือกกลิ่นหอมให้เหมาะกับแต่ละพื้นที่ภายในบ้าน ที่ร้าน ‘ธัญ’ (THANN) ชั้น 5 ศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรียม

โฮมสไตลิสต์สาวมากฝีมือ วยา ดุลยบวรกุล กล่าวถึงไอเดียการตกแต่งบ้านสวยมีสไตล์ พร้อมผ่อนคลายด้วยกลิ่นหอม (Aromatherapy) ว่า “การตกแต่งบ้านให้น่าอยู่เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะบ้านเป็นเสมือนโลกใบเล็กๆ ของเรา การตกแต่งบ้านให้มีความสวยงาม น่าอยู่จึงช่วยทำให้ผู้อาศัยอบอุ่นใจและรู้สึกผ่อนคลาย ตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโควิด ทำให้เราต้องปรับรูปแบบการใช้ชีวิตหลายอย่างภายในบ้าน บ้านจึงเป็นพื้นที่ที่รวมทุกกิจกรรมไว้ด้วยกัน ตั้งแต่เป็นที่พักอาศัย ออฟฟิตส่วนตัว ห้องสมุด โรงหนัง คาเฟ่ บาร์ สถานที่ออกกำลังกาย ฯลฯ ทำให้เราใช้เวลาอยู่กับบ้านแทบตลอดเวลา ซึ่งการอยู่ในบรรยากาศหรือสถานที่เดิมๆ อาจก่อให้เกิดความเครียดโดยที่เราไม่รู้ตัว ดังนั้นการจัดสรรพื้นที่ใช้งานภายในบ้านอย่างเหมาะสม จึงเป็นสิ่งสำคัญนอกเหนือจากการเพิ่มประโยชน์การใช้สอย

· เปลี่ยนพื้นที่ภายในบ้านให้เป็นห้องทำงาน หามุมจัดวางโต๊ะทำงานในบริเวณที่มีแสงธรรมชาติเข้าถึง และควรแบ่งสัดส่วนพื้นที่ทำงานออกจากพื้นที่สันทนาการอย่างชัดเจน

· สร้างมุมพักผ่อนภายในบ้าน เพื่อพักสายตาจากการทำงาน สามารถช่วยให้การอยู่บ้านเป็นเรื่องไม่น่าเบื่อ อาจเป็นมุมจิบกาแฟ พร้อมต้นไม้เล็กๆ หรือจัดเป็นสวนพักผ่อนเล็กๆ ที่ระเบียง

· จัดมุมออกกำลังกาย อาจหาพื้นที่ว่างภายในบ้าน หรือแบ่งพื้นที่บางส่วนของห้องนั่งเล่นมาใช้เป็นมุมออกกำลังกายเบาๆ เช่น โยคะ หรือแอโรบิค

· ปรับบริเวณครัวให้เป็นคาเฟ่สำหรับเตรียมเครื่องดื่ม โดยหาบริเวณที่มีแสงสว่างเพียงพอ หรือมีแสงธรรมชาติส่องถึง เพื่อสร้างบรรยากาศที่โปร่งโล่ง ไม่อึดอัด โดยอาจปรับเปลี่ยนมาเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบบมัลติฟังก์ชั่น เพื่อเพิ่มลักษณะการใช้งานที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น

· สร้างพื้นที่สีเขียวภายในบ้าน ช่วยเติมความสดชื่น โดยนำกระถางต้นไม้เล็กๆ มาตกแต่งบริเวณหน้าต่าง โต๊ะอาหาร หรือตามมุมต่างๆ ภายในบ้าน ควรเน้นไม้ประดับที่ดูแลง่าย ชอบแสงรำไร ช่วยดักฝุ่น และฟอกอากาศให้กับบ้าน

· ตกแต่งผนังบ้านด้วยงานศิลปะที่ชื่นชอบ งานคราฟต์ หรืองานฝีมือต่างๆ เพื่อช่วยสร้างแรงบังดาลใจ

นอกจากการตกแต่งบ้านที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาแล้ว เรายังสามารถออกแบบมิติของ “กลิ่นหอม” ด้วยน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศความสดชื่น ผ่อนคลาย ทำให้บ้านน่าอยู่มากยิ่งขึ้น เราสามารถใช้เครื่องกระจายกลิ่นหอม ก้านไม้หอม ถุงหอม หรือสเปรย์หอม เคล็ดลับ คือ อย่าเติมกลิ่นให้บ้านมากจนเกินไป ควรเจือจางให้กลิ่นอ่อนๆ นอกจากจะช่วยให้หายใจได้ปลอดโปร่งแล้ว ยังเป็นการสร้างเสน่ห์ให้กับห้องอีกด้วย เราสามารถออกแบบกลิ่นหอมให้เหมาะกับพื้นที่แต่ละส่วนภายในบ้านได้

· ห้องน้ำ ควรเลือกเป็นกลิ่นที่สามารถกลบกลิ่นจากท่อ หรือกลิ่นอับชื้นได้ อาจเป็นกลิ่นแนวสมุนไพรอย่างตะไคร้ มะกรูด หรือมะนาว กลิ่นที่แนะนำคือ Oriental Essence

· ห้องนั่งเล่น ควรเลือกเป็นกลิ่นที่ให้ความสดชื่นและเหมาะสำหรับทุกคน เป็นกลิ่นแนวสดชื่นของผลไม้ตะกูลซีตรัส กลิ่นที่แนะนำคือ Aromatic Wood หรือ Eastern Orchard

· ห้องนอน ควรเน้นกลิ่นที่มอบความสงบ ผ่อนคลาย เสริมสร้างบรรยากาศแห่งการพักผ่อน กลิ่นที่แนะนำคือ Lavender & Rosemary, Jasmine Blossom หรือ Spring Forest

· ห้องทำงาน ควรเน้นกลิ่นที่ช่วยสร้างสมาธิ ทำให้สมองปลอดโปร่ง กลิ่นที่แนะนำคือ Aromatic Wood, Eden Breeze หรือ Earl Grey Infusion

· ห้องครัว ควรเน้นกลิ่นที่เพิ่มความรู้สึกสะอาดสดชื่น กลิ่นที่แนะนำคือ Eastern Orchard หรือ Oriental Essence”

ธัญ’ (THANN) ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม ผสานคุณค่าแห่งพืชพรรณจากแหล่งธรรมชาติชั้นดีทั่วโลกและเทคโนโลยีอันทันสมัย ตลอดระยะเวลากว่า 19 ปีที่ผ่านมา ‘ธัญ’ (THANN) มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ธรรมชาติผสานเทคโนโลยีชั้นนำ ผ่านการทดสอบจากสถาบันวิจัยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลอย่าง Spincontrol Asia Co.,Ltd. (France), Skinnova Lab Co.,Ltd. และ Dermscan Asia อาทิ Dermatological test, Irritation test และ Efficacy test เพื่อยืนยันในคุณภาพและประสิทธิภาพเพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม และครั้งนี้แบรนด์ ‘ธัญ’ (THANN) ได้แนะนำผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีจำหน่ายในร้านและเคาน์เตอร์ ‘ธัญ’ (THANN) กว่า 100 สาขาในทวีปเอเชีย อเมริกา และยุโรป การใช้ประโยชน์จากกลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ (Essential oil) เป็นศาสตร์แห่งการใช้กลิ่นหอมเพื่อสร้างความผ่อนคลาย (Aromatherapy) ถูกนำมาใช้อย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 6,000 ปี ตั้งแต่สมัยกรีก โรมัน และอียิปต์ มาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ประโยชน์ของน้ำมันหอมระเหยนอกจากจะช่วยเรื่องการนอนหลับแล้ว ยังสามารถช่วยสร้างสมาธิในการทำงาน สร้างบรรยากาศผ่อนคลายโดยสามารถเลือกเปลี่ยนกลิ่นได้ตามอารมณ์ความต้องการ รวมถึงใช้มอบเป็นของขวัญให้กับคนพิเศษได้อีกด้วย

เมื่อร่างกายได้รับกลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ (Essential oil) กลิ่นจะถูกส่งผ่านประสาทรับกลิ่น (Olfactory Nerves) ซึ่งอยู่เหนือโพรงจมูกไปยังกระเปาะรับกลิ่น (Olfactory Bulbs) และส่งต่อไปยังสมองส่วนควบคุมอารมณ์ และความรู้สึก (Limbic System) อณูของน้ำมันหอมระเหยจะกระจายไปตามประสาทรับกลิ่นเข้าสู่สมองส่วนที่ควบคุมอารมณ์และความรู้สึก (Emotional Center หรือ Limbic System) โดยไปกระตุ้นให้สมองสั่งการไปที่ระบบต่อมไร้ท่อ เพื่อหลั่งสารที่มีประโยชน์ และมีอิทธิพลต่ออามรมณ์และความรู้สึก ได้แก่ Endorphin (เอ็นโดฟิน) คลายความเครียด และความวิตกกังวล, Enkephalin (เอนเคฟาลีน) ลดความเจ็บปวด ส่งเสริมให้มีอารมณ์ดี และ Serotonin (เซเรโทนิน) ช่วยให้สงบ เยือกเย็น และผ่อนคลาย นอกจากนี้กลิ่นยังส่งผลต่อสมองส่วนที่เรียกว่า “ไฮโปทาลามัส” (Hypothalamus) ซึ่งควบคุมสารเคมีและฮอร์โมนเพศ สมองส่วน Forntal Lobe ควบคุมความตั้งใจ สมาธิ และความจำ รวมทั้ง Reticular System ซึ่งช่วยผสมผสานการทำงานของร่างกายและจิตใจ

การใช้กลิ่นหอมบำบัด (Aromatherapy) จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่สามารถสร้างความความผ่อนคลาย เพื่อเตรียมร่างกายสู่การพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในกิจกรรมครั้งนี้จะเน้นเพื่อสร้างบรรยากาศความหอมให้กับพื้นที่ต่างภายในบ้านตามหลักการใช้กลิ่นหอมบำบัด (Aromatherapy) ได้แก่ เครื่องกระจายกลิ่นหอม (Electric aroma diffuser) ราคา 4,390 บาท ทำงานด้วยกลไกการกระจายความหอมแบบ Ultrasonic Water – Oxygen โดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูงถึง 2.5 ล้านรอบ/วินาที ทำให้น้ำแตกตัวเป็นไอเย็นที่มีโมเลกุลขนาดเล็กเพียง 5 ไมครอน นำพาน้ำมันหอมระเหยขึ้นสู่อากาศ กลิ่นหอมจึงกระจายตัวได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการทำงานแบบไม่ใช้ความร้อนจึงปลอดภัยสำหรับทุกคนในครอบครัว มาพร้อมกับ 2 ฟังก์ชั่นการใช้งานที่สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม ได้แก่ โหมดทำงานแบบต่อเนื่อง (Green Light) ตัวเครื่องจะทำงานต่อเนื่อง 3 ชั่วโมง เมื่อเสร็จการทำงานเครื่องจะปิดแบบอัตโนมัติ และโหมดควบคุมจังหวะการทำงาน (Orange Light) ตัวเครื่องจะพ่นควัน 1 ครั้ง สลับกับการหยุด 30 วินาที สามารถใช้ได้ต่อเนื่องถึง 6 ชั่วโมง

น้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ (Pure essential oil) น้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ 100% แต่งเติมความหอมหลากหลายรูปแบบสามารถใช้งานร่วมกับเครื่องกระจายกลิ่นหอมเพื่อรังสรรค์บรรยากาศความสุขภายในบ้านได้อย่างมีรสนิยม มีให้เลือก 2 ขนาด ขนาด 10 มล. ราคา 790 บาท และ ขนาด 50 มล. ราคา 1,850 บาท และมีให้เลือก 7 กลิ่น ได้แก่ กลิ่นอะโรมาติก วูด ( Aromatic wood), กลิ่นโอเรียนทอล เอสเซ้นซ์ (Oriental Essence), กลิ่นอีสเทิร์น ออร์ชาร์ด (Eastern Orchard), กลิ่นอีเดน บรีซ (Eden Breeze), กลิ่นเอิร์ลเกรย์ อินฟิวชั่น (Earl Gray Infusion), กลิ่นสปริง ฟอเรส (Spring Forest และกลิ่นดอกลาเวนเดอร์และโรสแมรี่ (Lavender & Rosemary)

ก้านไม้หอม (Aroma diffuser) ขนาด 150 มล. ราคา 1,450 บาท มอบกลิ่นหอมนุ่มนวลจากน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ ครอบคลุมพื้นที่การใช้งานได้มากขึ้น เหมาะสำหรับใช้ตกแต่ง และสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น โต๊ะทำงาน หรือห้องนอน มีให้เลือก 5 กลิ่น อาทิ อะโรมาติก วูด ( Aromatic wood), โอเรียนทอล เอสเซ้นซ์ (Oriental Essence), อีสเทิร์น ออร์ชาร์ด (Eastern Orchard), อีเดน บรีซ (Eden Breeze) และ เอิร์ลเกรย์ อินฟิวชั่น (Earl Gray Infusion)

ถุงหอม (Aroma charm) ราคา 1,190 บาท แต่งเติมกลิ่นหอมผ่อนคลายด้วยน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติในรูปแบบถุงหอม เหมาะสำหรับรังสรรค์ความหอมให้กับรถยนต์, ตู้เสื้อผ้า รวมถึงพื้นที่ต่าง ๆ ภายในบ้าน มีให้เลือก 3 กลิ่น อาทิ อะโรมาติก วูด ( Aromatic wood), เอิร์ลเกรย์ อินฟิวชั่น (Earl Gray Infusion) และ อีเดน บรีซ (Eden Breeze)

และ สเปรย์น้ำหอม (Fragrance mist) ขนาด 60 มล. ราคา 590 บาท อีกหนึ่งทางเลือกในการเติมเต็มความสดชื่น ผ่อนคลายด้วยกลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ เหมาะสำหรับสร้างบรรยยากาศที่ดีให้กับพื้นที่ต่างๆ ภายในบ้าน มีให้เลือก 3 กลิ่น อาทิ อะโรมาติก วูด ( Aromatic wood), โอเรียนทอล เอสเซ้นซ์ (Oriental Essence) และ จัสมิน บลอสซั่ม (Jasmine Blossom)

ด้านเซเลบริตี้สาวที่มาร่วมเวิร์คช็อปทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ ต่างก็เผยเคล็ดลับการเลือกกลิ่นหอมให้เหมาะกับแต่ละพื้นที่ภายในบ้านตามแบบฉบับตนเอง เริ่มที่ ธัญวรรณ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เผยว่า “เอยให้ความสำคัญกับการสร้างบรรยากาศภายในบ้าน เพราะบรรยากาศที่ดี มีกลิ่นหอมๆ จะช่วยให้บ้านน่าอยู่มากขึ้น ภายในบ้านจึงมักมีเทียนหอม เครื่องกระจายกลิ่นหอม ถุงหอม วางประดับตกแต่งกลมกลืนไปกับทุกส่วนของบ้าน ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำ ห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือห้องทานอาหาร เวลาอยู่บ้านก็มักจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บริเวณห้องทานอาหาร ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมของทุกคนในบ้าน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทานข้าว แต่ก็มักจะมานั่งเล่น ดูทีวี พบปะพูดคุยกันอยู่เป็นประจำ ห้องนี้เอยก็จะมีก้านไม้หอมกลิ่น โรมาติก วูด วางไว้เพื่อสร้างความสดชื่นมีชีวิตชีวาด้วยกลิ่นหอมของผลส้ม แทนเจอรีน ผสานกับกลิ่นหอมของจันทร์เทศและแซนดัลวูด อย่างห้องนอนก็จะเป็นกลิ่นกลิ่นเอิร์ลเกรย์ อินฟิวชั่น ที่มีส่วนผสมของดอกลาเวนเดอร์ กระวาน และคลารี่ เสจ ช่วยสร้างความผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี”

เอมษิกา โชติวิจิตร กล่าวว่า ว่า “จินนี่ชอบใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในห้องนอน เพื่อพักผ่อน อ่านหนังสือ เล่นอินเทอร์เน็ตติดตามข่าวสาร ซึ่งบริเวณห้องก็จะถูกตกแต่งให้สวยงาม มีการสร้างบรรยากาศที่ดีเพื่อเหมาะแก่การพักผ่อน เรื่องกลิ่นจึงเป็นสิ่งที่เราจะให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในห้องนอนเราจะต้องมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ตลอดเวลา ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย และพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ เราจะวางเครื่องกระจายกลิ่นหอม หรือถุงหอม บริเวณข้างเตียงนอน สำหรับกลิ่นที่ชอบและใช้ประจำคือ อีเดน บรีซ เพราะกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกกุหลาบและดอกมะลิช่วยทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่ค่ะ”

วนิดา โกลเทน เผยว่า ว่า “นิดาชอบใช้เวลาส่วนใหญ่ในห้องนั่งเล่น เพราะอยู่ติดกับสวนหย่อม ได้มองเห็นท้องฟ้า ต้นไม้และดอกไม้ ส่วนตัวเป็นคนที่ชอบให้บ้านมีกลิ่นหอม โดยแต่ละพื้นที่ในบ้านก็จะเลือกใช้กลิ่นที่ต่างกันขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่ทำ เช่น ห้องนอนก็จะมีเครื่องกระจายกลิ่นหอม ส่วนห้องนั่งเล่นก็จะวางก้านไม้หอม ไว้ตามจุดต่างที่มีลมผ่านอย่างบริเวณใต้เครื่องปรับอากาศ เพื่อที่กลิ่นจะได้กระจายตัวได้ดีขึ้น สำหรับกลิ่นที่ชอบเป็นพิเศษก็คือ กลิ่นอีเดน บรีซ และเอิร์ลเกรย์ อินฟิวชั่น โดยบางครั้งเราก็จะเอาทั้ง 2 กลิ่นมาผสมกันให้เกิดกลิ่นใหม่ แต่ละพื้นที่แต่ละห้องก็จะใช้กลิ่นต่างกัน ถือว่าเป็นการสร้างบรรยากาศภายในบ้านให้อบอวลไปด้วยกลิ่นหอม ซึ่งทำให้บ้านน่าอยู่มากขึ้นค่ะ”

สร้างสรรค์บรรยากาศความหอมให้กับทุกพื้นที่ภายในบ้านกับผลิตภัณฑ์ ‘เครื่องกระจายกลิ่นหอม’ (Electric Aroma diffuser), ‘น้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ’ (Pure essential oil), ‘ก้านไม้หอม’ (Aroma diffuser), ถุงหอม (Aroma charm) และ สเปรย์น้ำหอม (Fragrance mist) ได้แล้ววันนี้ที่ออนไลน์สโตร์ www.thann.co.th (ส่งฟรีทั่วประเทศ) และร้าน ‘ธัญ’ (THANN) ทั้ง 12 สาขาทั่วประเทศ อาทิ สาขาสุขุมวิท 47, ชั้น 2 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, ชั้น 3 ศูนย์การค้าเกษร, ชั้น 5 ศูนย์การค้าดิเอ็มโพเรียม, ชั้น 1 และชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน, ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์, ชั้น 4 ไอคอน สยาม, ร้านวูว์ ถนนเจริญราษฎร์ และสาขาถนนพระปกเกล้า (ตรงข้ามวัดเจดีย์หลวง) จังหวัดเชียงใหม่, สาขาป่าตอง (หน้าโรงแรม La Flora ป่าตอง) จังหวัดภูเก็ต และ ธัญ เวลเนส เดสทิเนชั่น จ.พระนครศรีอยุธยา