โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน โอมิครอน

อัปเดต โควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ( 23 ธ.ค. ) ไทยพบแล้ว 104 ราย

แนวโน้มยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะในยุโรป

Home / โควิด-19 / อัปเดต โควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ( 23 ธ.ค. ) ไทยพบแล้ว 104 ราย

สถานการณ์ภาพรวม

  • [23 ธ.ค. ] ภาพรวมสถานการณ์ในขณะนี้
    • จำนวนผู้ป่วยยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่พบการระบาดในชุมชน
    • สหรัฐฯ , เดนมาร์ก ระบุว่า เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน เป็นสายพันธุ์หลักที่พบการระบาดในประเทศแล้ว
    • หลายประเทศเริ่มยกระดับมาตรการป้องกันเพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มมาตรการสวมหน้ากาก – วัคซีนพาสสปอร์ต – ล็อกดาวน์ – ทำงานที่บ้าน
    • บางประเทศเดินหน้าฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 ในกลุ่มเสี่ยงเช่น บุคลากรทางการแพทย์ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
  • ประเด็นที่เป็นเรื่องดี
    • หลายประเทศยังคงรายงานไปในทิศทางเดียวกันคือ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการเบา ไม่จำเป็นต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล
    • เริ่มมีรายงานผู้ป่วยที่ต้องเข้ารพ. – เสียชีวิตเพิ่มในสหราชอาณาจักร
  • ประเด็นที่น่ากังวล คือ
    • จำนวนประเทศที่รายงานเคสติดเชื้อในชุมชน หรือสงสัยว่าติดเชื้อในประเทศมีแนวโน้มสูงขึ้น
    • หลายประเทศเริ่มกังวลว่า ระบบสาธารณสุขอาจจะได้รับผลกระทบ แม้ว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล แต่จากอัตราการระบาดที่รวดเร็ว ก็อาจจะส่งผลต่อจำนวนผู้ป่วยที่มากขึ้นเช่นกัน
    • องค์การอนามัยโลกระบุว่า จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะเพิ่มสูงขึ้นเป็นสองเท่า ทุก ๆ 1.5-3 วัน
    • วัคซีนที่มีใช้กันอยู่ในการฉีดครบโดสปรกติ ไม่เพียงพอสำหรับการต่อสู้กับสายพันธุ์โอมิครอน ทั้ง mRNA, Viral Vector หรือ เชื้อตาย จำเป็นต้องมีเข็มกระตุ้นเข็มที่ 3

UPDATE : 23 ธ.ค.

  • องค์การอนามัยโลก เตือนการเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในหลายประเทศที่ร่ำรวย ทำให้ส่งผลกระทบกับการกระจายวัคซีนให้กับประเทศที่ยากจน ที่ต้องเผชิญความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดในประเทศที่ยากจนยังมีต่อไป และทำให้การต่อสู้กับโควิด-19 ของทั้งโลกยังเป็นไปได้ยากขึ้น

    นอกจากนี้ การกักตุนวัคซีนไว้เป็นจำนวนมาก และไม่สามารถกระจายใช้งานได้ทัน ทำให้จำเป็นต้องมีการทำลายวัคซีนเป็นจำนวนมาก เช่นในประเทศไนจีเรียจำเป็นต้องทำลายวัคซีนจำนวนกว่าล้านโดส เนื่องจากหมดอายุ
  • ญี่ปุ่น พบผู้ป่วยจำนวน 3 รายในโอซากา ติดเชื้อโควิด-19 ในสายพันธุ์โอมิครอน โดยไม่พบความเชื่อมโยงใดๆ กับเคสผู้ป่วยก่อนหน้า หรือแม้แต่ประวัติการเดินทาง ที่คาดว่าจะทำให้ติดเชื้อได้

    ทำให้ทางการญี่ปุ่นกังวล ต่อการระบาดที่เกิดขึ้นในชุมชน ที่ไม่สามารถติดตามที่มาที่ไปของเชื้อได้ และอาจจะกลายเป็นการระบาดใหญ่ในที่สุด
  • สหราชอาณาจักร พบว่า การติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนนี้ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการน้อยกว่า สายพันธุ์อื่น ๆ เช่น เดลต้า แต่ความเสี่ยงที่ต้องกังวลเนื่องจาก อัตราการระบาดที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะส่งผลกระทบต่อจำนวนเตียงในโรงพยาบาลที่จะเพิ่มสูงขึ้นได้

    โดยล่าสุด สหราชอาณาจักร พบผู้ป่วยเพิ่มทะลุ 1 แสนราย/วัน เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการระบาดของโควิด-19
  • นิวยอร์ก กำลังเผชิญกับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มสูงขึ้น โดยพบเพิ่มอีกกว่า28,000 ราย หรือเพิ่มขึ้น 1 ใน 3 ทำให้ทางการนิวยอร์กจำเป็นต้องเร่งในการเปิดจุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเร่งค้นหาผู้ป่วย และจำกัดวงการระบาด

    ในขณะที่บางโรงพยาบาลในนิวยอร์กซิตี้ จำเป็นต้องเริ่มจำกัดจำนวนผู้ที่เดินทางมาโรงพยาบาล โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ใช่ผู้ป่วย นอกจากนี้ ยังจำเป็นต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน หรือผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นลบ ในช่วง 48 ชม. อีกด้วย
  • แอฟริกาใต้ ระบุว่า ในขณะนี้ การระบาดระลอกใหม่ในประเทศกำลังผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว หลังจากจำนวนผู้ป่วยเริ่มลดลงต่อเนื่อง ต่ำกว่า 20% เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง เพราะอาจจะเกิดการระบาดได้อีกครั้งในช่วงวันหยุดยาวที่กำลังจะถึงนี้

22 ธ.ค.

Photo credit: Professor John Nicholls, Clinical Professor of Department of Pathology; and Professor Malik Peiris, Tam Wah-Ching Professor in Medical Science and Chair Professor of Virology, School of Public Health, HKUMed; and Electron Microscope Unit, HKU.

อ่านประเด็นข่าวโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนย้อนหลัง

รายงานการพบผู้ติดเชื้อในประเทศต่าง ๆ

ในขณะนี้มีรายงานการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนเพิ่มมากขึ้น โดยส่วนใหญ่เป็นการพบการระบาดในพื้นที่หลัก ๆ คือ แอฟริกาใต้ และบอตสวานา ส่วนในประเทศอื่น ๆ ขณะนี้ยังเป็นเคสนำเข้า หรือ Imported Case ที่ผู้ติดเชื้อเดินทางเข้ามายังประเทศนั้น ๆ

ประเทศที่มีรายงานเป็นทางผ่านของผู้ป่วย – ตุรกี, ดูไบ, การ์ตา, ไนจีเรีย, สิงคโปร์, สเปน

ปรับปรุงข้อมูลล่าสุด 23 ธ.ค. – 08.00 น.

ประเทศพบผู้ติดเชื้อเปลี่ยนแปลงสงสัยติดเชื้อ
🇬🇧 ️สหราชอาณาจักร74,089+13,581
🇩🇰 ️เดนมาร์ก26,362
🇳🇴️ นอร์เวย์4,651+780
🇨🇦 ️แคนาดา3,614+212
🇺🇸 ️สหรัฐอเมริกา2,187+431
🇩🇪️ เยอรมนี1,665+381
🇿🇦 ️แอฟริกาใต้1,594+150>77,000
🇫🇷 ฝรั่งเศส1,038+45
🇪🇪️ เอสโตเนีย656+178
🇦🇺 ️ออสเตรเลีย523+25
🇦🇷️ อาร์เจนตินา454
🇦🇹 ️ออสเตรีย419+54
🇮🇱 ️อิสราเอล341
🇧🇪เ️บลเยียม333+149
🇧🇼 ️บอตสวานา291
🇮🇳️ อินเดีย265+45
🇰🇷️ เกาหลีใต้234
🇸🇪 ️สวีเดน232+97
🇨🇭️ ️สวิตเซอร์แลนด์225+7
🇪🇸 ️สเปน213+24
🇮🇸 ️ไอซ์แลนด์200
🇳🇱 เนเธอร์แลนด์183+5
🇮🇪 ️ไอร์แลนด์144
🇬🇮️ ยิบรอลตาร์122+17
🇸🇬️ สิงคโปร์93
🇮🇹 ️อิตาลี91+7
🇵🇹 ️โปรตุเกส90
🇯🇵️ ญี่ปุ่น85+3
🇧🇲 ️หมู่เกาะเบอร์มิวดา, UK74
🇨🇱 ️ชิลี73
🇸🇮️ สโลวีเนีย51
🇿🇼 ซิมบับเว50
🇷🇺️ รัสเซีย*41+16
🇬🇭️ กาน่า40
🇫🇮️ ฟินแลนด์*34
🇭🇰 ️ฮ่องกง34+7
🇨🇾️ ไซปรัส*33
🇧🇷️ บราซิล*31+1
🇹🇷️ ตุรกี*30
🇱🇧️ เลบานอน*29+21
🇲🇦️ โมรอกโก*28
🇳🇿️ นิวซีแลนด์28+6
🇰🇪️ เคนยา27
🇺🇬 ️ยูกันดา*25
🇲🇽 ️เม็กซิโก25
🇪🇨️ เอกวาดอร์*22
🇸🇳 ️เซเนกัล *18
🇳🇦 ️นามิเบีย18
🇲🇿️ โมซัมบิก17
🇬🇷 ️กรีซ*17
🇷🇴 ️โรมาเนีย16
🇭🇺️ ฮังการี15
🇱🇹️ ลิธัวเนีย14+11
🇲🇺 ️มอริเชียส*14
🇱🇻️ ลัตเวีย*14
🇰🇼️ คูเวต*13+12
🇲🇾️ มาเลเซีย*13
🇲🇼️ มาลาวี*12+9
🇵🇪️ เปรู12
🇳🇬️ ไนจีเรีย*11
🇿🇲 ️แซมเบีย*11
🇨🇿 ️สาธารณรัฐเช็ก*11+1
🇭🇷️ โครเอเชีย8+5
🇴🇲️ โอมาน*8+6
🇮🇩️ อินโดนีเซีย8+3
🇻🇪️ เวเนซุเอลา7+7
🇵🇱️ โปแลนด์7
🇫🇷 ️เรอูว์นียง, ฝรั่งเศส*7
🇷🇼️ รวันดา7
🇸🇰️ สโลวาเกีย7
🇱🇮 ️ลิกเตนสไตน์*4+3
🇲🇻️ มัลดีฟส์*5
🇹🇹️ ทรินิแดด*5
🇰🇭️ กัมพูชา*5
🇨🇺️ คิวบา*5
🇲🇪️ มอนเตเนโกร5
🇱🇰️ ศรีลังกา*4
🇯🇴️ จอร์แดน*4
🇨🇳️ จีน*4
🇶🇦️กาตาร์*4
🇰🇾️ หมู่เกาะเคย์แมน4
🇵🇭️ ฟิลิปปินส์3
🇨🇴️ โคลัมเบีย3
🇪🇬️ อียิปต์*3
🇳🇵️ เนปาล*3
🇹🇼️ ไต้หวัน*3
🇵🇸️ ปาเลสไตน์*3
🇬🇪️ จอร์เจีย2
🇵🇰️ ปากีสถาน2
🇫🇯️ ฟิจิ*2
🇧🇩 ️บังคลาเทศ*2
🇧🇳️ บรูไน1
🇵🇦️ ปานามา1
🇨🇷️ คอสตาริกา*1
🇦🇼 ️อารูบา*1
🇸🇦️ ซาอุดิอาระเบีย*1
🇦🇪 ️สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์*1
🇹🇳 ️ตูนีเซีย*1
🇱🇺️ ลักแซมเบิร์ก*1
🇸🇱 ️เซียราลีโอน*1
🇧🇭️ บาห์เรน1
🇩🇿️ แอลจีเลีย*1
🇮🇷️ อิหร่าน1
🇺🇦️ ยูเครน*1
ไทย103+41
หมายเหตุ – ในประเทศแอฟริกาใต้ไม่ได้ทำการตรวจหาเชื้อทุกเคส
ทำให้ยอดในขณะนี้เป็นยอดการตรวจเฉพาะที่ตรวจสายพันธุ์เท่านั้น
* ผู้ป่วยที่พบเป็นผู้ที่เดินทางนำเชื้อเข้าประเทศ ( Imported Case )

รวมเมนูด่วน เกี่ยวกับโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน