ภาพประกอบข่าว
กระแสลมเปลี่ยนทิศอาจทำให้สถานการณ์ไฟป่าที่กำลังลุกลามในรัฐวิกตอเรียของออสเตรเลียเลวร้ายขึ้น
เว็บไซต์สถานีโทรทัศน์ไนน์นิวส์ รายงานวานนี้(3 มี.ค.2562) ว่าสถานการณ์ไฟป่าที่เกิดขึ้นทั่วรัฐวิกตอเรียของออสเตรเลีย อาจทำให้ชุมชนในพื้นที่เผชิญความเสี่ยงมากขึ้น เนื่องจากกระแสลมที่เปลี่ยนทิศทาง อาจทำให้เปลวไฟลุกลาม และทำให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงปฏิบัติการควบคุมเพลิงได้ยากขึ้น
ไฟป่าลุกลามสร้างความเสียหายแก่พื้นที่ในเขตอุทยานแห่งชาติเมืองบันยิป กว่า 6 หมื่น 2 พัน 500 ไร่ และเมื่อคืน ตามเวลาท้องถิ่น ไฟกำลังเคลื่อนที่ไปยังถนนปรินส์ ไฮเวย์ โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำจุดเพื่อดับไฟอยู่ตลอดแนวถนน
รายงานระบุว่า กระแสลมที่เปลี่ยนทิศทางในเวลา 21 นาฬิกาของเมื่อคืน จะทำให้ไฟป่าในพื้นที่เมืองบันยิปเคลื่อนที่ไปทางตะวันออก ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมากกว่า 2 พันคนกำลังปฏิบัติหน้าที่ควบคุมเพลิงอยู่ในพื้นที่โดยรอบ ส่วนสาเหตุของการเกิดไฟป่าครั้งนี้คือฟ้าผ่า ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
นายเทรเวอร์ โอเวน ผู้ช่วยหัวหน้าเจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิงในพื้นที่กล่าวว่า ไฟป่าครั้งนี้เลวร้ายกว่าครั้งเมื่อปี 2552 ซึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่เดียวกัน
ไฟฟ้าของอาคารกว่า 800 แห่งในเมืองบันยิปถูกตัดขาด ส่วนผู้อยู่ในพื้นที่อื่นๆ ถูกสั่งห้ามออกจากที่อยู่อาศัยและให้หาที่หลบภัยโดยทันที ขณะที่มีการตั้งศูนย์บรรเทาภัยพิบัติสำหรับผู้ที่ต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัยแล้ว 3 แห่ง
ส่วนที่เมืองยินนาร์เซาท์ มีรายงานยืนยันว่า บ้าน 2 หลังได้รับความเสียหายจากไฟป่าที่ลุกลามอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งขยายตัวจากขนาด 6 พัน 250 ไร่ เป็น 9 พัน 375 ไร่ และยังมีไฟไหม้อีกมากกว่า 30 จุดทั่วรัฐวิกตอเรีย ซึ่งมีระดับความรุนแรงมากสำหรับย่านกลางเมือง และยังมีความรุนแรงสูงในพื้นที่ส่วนที่เหลือของรัฐ