คุมกำเนิด ท้องไม่พร้อม ฝังยาคุมกำเนิด ใส่ห่วงคุมกำเนิด

วัยรุ่นต้องรู้ อายุต่ำกว่า 20 ปี ฝังยาคุมกำเนิด ใส่ห่วงอนามัย ฟรี ที่รพ.รัฐทั่วประเทศ

การคุมกำเนิดด้วยการ ฝังยาคุมกำเนิด และ การใส่ห่วงอนามัย มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดมากถึง 99.5% โดยราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทยแนะนำ

Home / HEALTH / วัยรุ่นต้องรู้ อายุต่ำกว่า 20 ปี ฝังยาคุมกำเนิด ใส่ห่วงอนามัย ฟรี ที่รพ.รัฐทั่วประเทศ

15 ปี คืออายุเฉลี่ยที่เด็กไทยมีเพศสัมพันธ์เป็นครั้งแรก ตัวเลขอาจดูน่าตกใจ แต่เมื่อนึกถึงจำนวนคุณแม่วัยใสที่เรารับรู้ผ่านข่าวสารหรือในชีวิตจริง ตัวเลขดังกล่าวก็ดูจะไม่เกินเลยไปนัก ทั้งยังอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี

สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะศูนย์กลางพัฒนาวิชาการด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ ได้พยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่องในหลายมิติ ทั้งด้วยการมอบบริการคุมกำเนิดเพื่อป้องกันปัญหาอย่างตรงไปตรงมาและเห็นผลทันที และวิธีการที่อาจใช้เวลานานกว่าแต่จะได้ผลในระยะยาว อย่างการเสริมความรู้และทักษะการใช้ชีวิต เพื่อให้เด็กทุกคนได้รู้ว่าการคุมกำเนิดเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในการปกป้องและมอบความรักให้ตัวเองที่ทุกคนพึงมี

“เราคงห้ามไม่ให้เด็กมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้ เพราะเพศสัมพันธ์เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน สิ่งสำคัญจึงเป็นการชี้แนะให้มีเพศสัมพันธ์ช้าลง ด้วยการส่งเสริมให้เด็กเข้าถึงทักษะชีวิตในการดูแลตัวเอง ไม่ใช่แค่เรื่องเพศศึกษาเท่านั้น แต่ให้รู้ว่าจะหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์อย่างไรถ้าตัวเองไม่พร้อมหรือไม่ต้องการ หลีกเลี่ยงการถูกล่วงละเมิด รู้จักการคุมกำเนิดที่เหมาะสม”

นโยบายสำคัญด้านการคุมกำเนิดของกรมอนามัย คือ การร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มอบบริการการคุมกำเนิดชนิดกึ่งถาวรด้วยการ ฝังยาคุมกำเนิด และ การใส่ห่วงอนามัยให้ฟรีสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีทุกกรณี และสำหรับหญิงวัยเจริญพันธุ์อายุ 20 ปีขึ้นไปในกรณีหลังยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัย รวมทั้งการสนับสนุนค่าบริการการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยที่สถานบริการเครือข่ายของสปสช. ทั่วประเทศ

การคุมกำเนิดประเภทกึ่งถาวร ด้วยการ ฝังยาคุมกำเนิด หรือ ใส่ห่วงอนามัย เป็นวิธีที่ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทยแนะนำให้ใช้เนื่องจากสามารถคุมกำเนิดได้ในระยะเวลานาน 3, 5 และ 10 ปี มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดมากถึง 99.5% และที่สำคัญ ควรใช้ควบคู่กับถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

ปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรที่นำไปสู่การท้องไม่พร้อมนั้นเกิดจากหลายปัจจัย และไม่ใช่ความผิดของเด็กเพียงอย่างเดียว การแก้ไขจึงต้องเกิดขึ้นในหลายระดับ ตั้งแต่ระดับนโยบายจนถึงระดับปัจเจก ดังนั้น หากย้อนไปที่คำถามข้างต้นว่าเราจะทำอย่างไรกับสถานการณ์นี้ได้บ้าง คำตอบอาจเป็นการมองสถานการณ์ตามความเป็นจริงและลบอคติออกไป เพื่อให้เด็กและเยาวชนกล้าเข้ารับคำปรึกษาที่ถูกต้องและปลอดภัย และจะได้ช่วยกันป้องกันหรือแก้ไขปัญหาได้ทันเวลา