AKA วัคซีนชนิดเชื้อตาย วัคซีนไข้หวัดใหญ่ วิธีดูแลสุขภาพ โควิด-19 ไข้หวัดใหญ่ ไวรัสอินฟลูเอนซา

รู้จัก “ไข้หวัดใหญ่” ญาติห่างๆ ของโควิด-19 และ “วัคซีนชนิดเชื้อตาย”

ข้อควรรู้ ไข้หวัดใหญ่ หรือ ไวรัสอินฟลูเอนซา (influenza virus) ก่อนรับภูมิคุ้มกันจากเชื้อไวรัสระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน

Home / HEALTH / รู้จัก “ไข้หวัดใหญ่” ญาติห่างๆ ของโควิด-19 และ “วัคซีนชนิดเชื้อตาย”

หลังจากเฝ้ารอกันมาเกือบ 4 เดือน ในที่สุดประเทศไทยก็ได้ดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มแรก อย่าลืมว่าระบบทางเดินหายใจของเรา ไม่ได้กำลังต่อสู้กับโคโรน่าไวรัสเพียงอย่างเดียว ในเมื่อช่วงฤดูฝนและฤดูหนาวของทุกปี ถือเป็นเวลาทองที่ญาติห่างๆ ของโควิดอย่าง ไวรัสอินฟลูเอนซา (influenza virus) หรือ AKA “ไข้หวัดใหญ่” จะใช้โอกาสนี้เล่นงานทางเดินหายใจให้เราไข้ขึ้น อ่อนเพลีย ปวดหัวซ้ำๆ อยู่ทุกปี

ไข้หวัดใหญ่ หรือ ไวรัสอินฟลูเอนซา (influenza virus)

ไข้หวัดใหญ่ คืออาการป่วยที่อยู่คู่ประชาคมโลกมาอย่างยาวนาน อีกทั้งนักวิทยาศาสตร์ก็รู้จักมักจี่กับครอบครัวของมันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะสายพันธุ์ influenza A และ influenza B ที่สมควรถูกเฝ้าระวังอย่างจริงจัง

มากไปกว่านั้น ไข้หวัดใหญ่ทั้ง 2 ประเภทที่กล่าวมา ยังมีตระกูลกิ่งก้านสาขาแตกหน่อไปอีกสายพันธุ์ย่อยละ 2 รวมเป็น 4 ชนิด คือ H1N1, H3N2 จากบ้าน influenza A จัดเป็นกลุ่มที่มีความรุนแรงของการระบาดสูง สามารถแพร่กระจายไปกว้างขวางทั่วโลก ที่คุ้นๆ กันในโรคต่างๆ เช่น ไข้หวัดสุกร, ไข้หวัดนก, ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ และตระกูล Victoria, Yamagata จากบ้าน influenza B กลุ่มที่พบได้แค่ในคน แพร่ระบาดได้ดีในสภาพแวดล้อมเย็นและแห้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูหนาว

ฟังๆ ดูแล้ว ไวรัสไข้หวัดใหญ่เหมือนจะมีอันตรายมากกว่าที่เราเคยรู้จักกัน เพราะด้วยสารพัดสมาชิกในวงศาคณาญาติ ความหลากหลายของอาการ ลักษณะวิธีการติดต่อ ไหนจะโอกาสกลายพันธุ์ที่ไม่รู้จะเกิดขึ้นตอนไหนอีก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่างที่บอกไปแล้วว่าทั้งโลกรู้จักคุ้นหน้าค่าตามันเป็นอย่างดี และยังได้พัฒนา “วัคซีนชนิดเชื้อตาย” ที่ใช้จัดการไข้หวัดใหญ่ อย่างแพร่หลายนานกว่า 60 ปีแล้ว

แพทย์หญิง มัณฑนา สันดุษฎี อายุรแพทย์ด้านโรคระบบการหายใจและภาวะวิกฤตโรคระบบการหายใจ และเวชบำบัดวิกฤต โรงพยาบาลพระรามเก้า เผยว่า “วัคซีนไวรัสไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทยเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย มีทั้งแบบป้องกันได้ 3 สายพันธุ์ (2 ชนิดใน influenza A และ 1 ชนิดใน influenza B) สำหรับเน้นการป้องกันสายพันธุ์ที่ระบาดมากที่สุด และแบบ 4 สายพันธุ์ (2 ชนิดใน influenza A และ 2 ชนิดใน influenza B) ที่ถือเป็นการป้องกันที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะสามารถกระตุ้นให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันได้ครอบคลุม และช่วยลดโอกาสการแพร่ระบาดได้ดี”

“ปกติแล้ว สาธารณสุขจะรณรงค์การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปี แต่สำหรับปี 2564 นี้ เพื่อไม่ให้สับสนกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 และเพื่อลดโอกาสติดเชื้อซ้ำซ้อน จึงได้มีแนวทางเลื่อนฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ให้เร็วขึ้นเป็นช่วงเดือนพฤษภาคมไปจนถึงเดือนสิงหาคม”

ที่นี้เราคงเคยได้ยินกันผ่านๆ หูว่า วัคซีนโควิดส่วนใหญ่แทบทุกเจ้า ล้วนมีข้อกำหนดที่เหมือนๆ กัน โดยเฉพาะความถี่ที่ต้องฉีดถึง 2 เข็มเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และอาจรวมไปถึงข้อกำหนดอื่นๆ สำหรับตัวผู้รับวัคซีนเอง ถ้าอย่างนั้น เราลองย้อนมาดูวัคซีนรุ่นคุณปู่อย่าง “วัคซีนไข้หวัดใหญ่” บ้างดีกว่า ว่าก่อนจะเข้ารับภูมิคุ้มกันจากเชื้อไวรัสระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน เราต้องรู้อะไรก่อนบ้าง?

ข้อควรรู้ ก่อนรับภูมิคุ้มกันจากเชื้อไวรัสระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน

แพทย์หญิง มัณฑนา ให้ข้อมูลว่า

  • คนทั่วไป ควรได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ปีละ 1 เข็ม” “โดยสามารถเริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้น
  • สำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 9 ขวบที่ได้รับวัคซีนครั้งแรก ให้ฉีด 2 เข็มในปีแรกก่อน เว้นระยะห่างการฉีดครั้งละ 1 เดือน แต่หากปีแรกได้ฉีดเพียงครั้งเดียว ให้ฉีด 2 ครั้งในปีถัดมา แล้วหลังจากนั้นค่อยฉีดปีละครั้งก็ได้

ดังนั้นแล้วจึงบอกได้เลยว่า ทั้งลูกเล็กเด็กแดง คนหนุ่มคนสาว หรือคนเฒ่าคนแก่ ต่างก็สมควรต้องฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่กันทั้งนั้น หรือถ้าจะให้เล่าลึกลงไป แพทย์หญิง มัณฑนา ยังแนะนำถึงคน 7 กลุ่มเสี่ยง ที่ควรได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่อย่างยิ่ง ได้แก่

คน 7 กลุ่มเสี่ยง ที่ควรได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่อย่างยิ่ง

  1. หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์มากกว่า 4 เดือน
  2. เด็กเล็ก อายุ 6 เดือน – 2 ปี)
  3. ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค (โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย เบาหวาน และผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด)
  4. ผู้สูงอายุ ตั้งแต่อายุ 65 ปีขึ้นไป
  5. ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้
  6. ผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง รวมถึงผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ
  7. ผู้ที่เป็นโรคอ้วน ที่มีน้ำหนักตัวมากกว่า 100 กก. และคำนวณค่า BMI ได้มากกว่า 35

การได้รับวัคซีนอย่างเดียวไม่ได้ทำให้ปลอดภัยจากไข้หวัดใหญ่ 100%

“โรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่มีสายพันธุ์ย่อยเยอะมาก-กลายพันธุ์ได้ง่าย อีกทั้งประสิทธิภาพของวัคซีนไข้หวัดใหญ่จะอยู่ที่ 70-90% (ขึ้นกับสายพันธุ์ของไวรัส) องค์การอนามัยโรค (WHO) จึงแนะนำถึงความจำเป็นที่จะต้องฉีดวัคซีนทุกปี เพื่อทำการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ให้ร่างกายพร้อมรับมือกับเชื้อที่จะเข้ามา แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือการได้รับวัคซีนอย่างเดียวไม่ได้ทำให้เราปลอดภัยจากไข้หวัดใหญ่ 100% เพราะเราต้องปฏิบัติตามแนวทางป้องกันไข้หวัดใหญ่ควบคู่กันไปด้วย” แพทย์หญิง มัณฑนา กล่าว

“นั่นคือ การสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำสบู่ ใช้เจลแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีคนอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก”

ที่ดูๆ แล้ว ก็ไม่ต่างกับสิ่งที่คนไทยทำมาตลอด 2 ปีให้หลังนี้เลย สรุปง่ายๆ เพียงแค่เดินเข้าไปฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลทำตัวเหมือนปกติ (แบบ New Normal) แค่นี้ก็ห่างไกลจากไข้หวัดใหญ่ แถมไม่ต้องเสี่ยงป่วยจนพะว้าพะวังกับการรับวัคซีนโควิด-19 ด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก โรงพยาบาลพระรามเก้า Website: www.praram9.com Line: @praram9hospital