เชื้อไวรัส โรคที่มาพร้อมฤดูหนาว โรคภูมิแพ้ โรคหน้าหนาว ไวรัสทางเดินหายใจ ไวรัสในอากาศ

โรคที่มาพร้อมฤดูหนาว พร้อมวิธีป้องกัน เชื้อไวรัสทางเดินหายใจ และ โรคภูมิแพ้

วันนี้เราได้รับคำแนะนำในการดูแลสุขภาพจากคุณหมอใหม่ เจ้าของเพจ คุยกับหมอภูมิแพ้เด็ก มาแนะนำวิธีการรับมือ โรคที่มาพร้อมฤดูหนาว

Home / HEALTH / โรคที่มาพร้อมฤดูหนาว พร้อมวิธีป้องกัน เชื้อไวรัสทางเดินหายใจ และ โรคภูมิแพ้

ในช่วงนี้หลายๆคนคงรู้สึกสดชื่นที่ได้สัมผัสอากาศเย็นๆ ให้สมกับฤดูหนาวกันแล้ว แต่อีกหลายๆคนที่ต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพเมื่ออากาศเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะที่ลืมไม่ได้เลยนั่นคือ ฝุ่นPM2.5 ก็เริ่มกลับมาอีกแล้ว แถมเชื้อไวรัส โควิด19 ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะปลอดภัย ทำให้การดูแลร่างกายให้พร้อมรับมือเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงนั่นคือผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับภูมิแพ้ วันนี้เราได้รับคำแนะนำในการดูแลสุขภาพจากคุณหมอใหม่ เจ้าของเพจ คุยกับหมอภูมิแพ้เด็ก มาแนะนำวิธีการรับมือทั้งฝุ่นทั้งโควิด ว่าทำยังไงให้ปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากเชื้อโรคกันค่ะ

เข้าสู่ฤดูหนาว อากาศเย็นๆ แบบนี้ ก็เป็นช่วงฤดูที่ฝุ่น PM2.5 กลับมา พร้อมๆกับไวรัสที่สามารถแพร่กระจายได้ทางอากาศ โดยเฉพาะในครอบครัวที่มีเด็กเล็กและผู้สูงอายุที่ยิ่งต้องให้ความใส่ใจและดูแลเป็นพิเศษ ซึ่งโดยปกติช่วงฤดูฝนจนเข้าสู่ฤดูหนาว เราจะพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจสูงขึ้น ซึ่งสาเหตุมาจากทั้งสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และความชื้นในอากาศที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัส และฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เพิ่มมากขึ้น สิ่งสำคัญคือ การใส่หน้ากากและการดูแลความสะอาดมากขึ้น ล้างมือบ่อยขึ้น

โรคทางเดินหายใจที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสส่วนมาก จะไม่มียารักษาโดยตรง แพทย์ต้องทำการรักษาตามอาการ เช่น หากมีไข้ก็ให้ยาลดไข้ หากมีอาการน้ำมูลไหล ไอ จาม ก็ให้ยาลดน้ำมูก แก้ไอ เท่านั้น ทำให้ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสมีโอกาสแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้ โดยเฉพาะในครอบครัวที่มีเด็กเล็กและผู้สูงอายุ อย่างในช่วงนี้จะเห็นว่ามีการแพร่พระบาดของไวรัสอาร์เอสวี (RSV) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อทางเดินหายใจทั้งส่วนบนและส่วนล่าง สามารถเกิดการติดเชื้อได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ แต่ในผู้ใหญ่อาจจะไม่แสดงอาการเด่นชัดหรือรุนแรงเท่าในกลุ่มเด็กเล็ก การติดต่อผ่านสารคัดหลั่งต่างๆ เช่น น้ำมูก น้ำลาย ไอ จาม และการสัมผัส ซึ่งหากเด็กได้รับเชื้อในช่วง 2-4 วันแรกมักมีอาการคล้ายไข้หวัดธรรมดา แต่เมื่อการดำเนินโรคมีมากขึ้น จะส่งผลให้ทางเดินหายใจส่วนล่างมีการอักเสบ ทำให้เกิดอาการรุนแรง เช่น ไข้สูง ไอแรง หอบเหนื่อย หายใจมีเสียงครืดคราด มีเสมหะในลำคอ

ดังนั้น คำแนะนำจากแพทย์ คือ ไม่ว่าจะป้องกันไวรัสชนิดไหนควรทำความสะอาดร่างกายทุกครั้งที่กลับจากนอกบ้าน ล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กเล็ก ต้องทำความสะอาดร่างกายหรือล้างมือก่อนสัมผัสเด็ก หลีกเลี่ยงให้ผู้อื่นสัมผัสใกล้ชิดหรือกอดหอมเด็กนอกบ้าน และควรฝึกให้ลูกใส่หน้ากากอนามัยและล้างมือเป็นประจำเมื่อเวลาออกนอกบ้าน หมั่นทำความสะอาดสิ่งของเครื่องใช้ที่มาจากนอกบ้าน ทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอและรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ

สำหรับโรคทางเดินหายใจอีกชนิด คือ โรคภูมิแพ้ ซึ่งมักพบอัตราการกำเริบและยอดผู้ป่วยสูงขึ้นในช่วงที่อากาศเย็นและมีการเปลี่ยนแปลงบ่อย ปัจจุบันพบผู้ป่วยโรคภูมิแพ้อากาศหรือโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ สูงกว่า 20% ในกลุ่มประชากร สำหรับอาการของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ มักจะมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล จาม ซึ่งจะเป็นๆหายๆติดต่อกันนานมากกว่า 4 สัปดาห์ จะแตกต่างจากไข้หวัดชนิดอื่นๆ ถึงแม้ว่าโรคภูมิแพ้จะเป็นโรคเรื้อรังแต่ก็มีโอกาสหายขาดได้ ดังนั้น แนะนำให้เข้าพบแพทย์เพื่อรับการรักษาและวินิจฉัยตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่ควรปล่อยไว้จนโพรงจมูกได้รับความเสียหายเป็นเวลานาน

ส่วนวิธีการดูแลสุขภาพเพื่อลดความรุนแรงของโรคนี้ สามารถทำได้โดยการปรับพฤติกรรมตัวเองด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ พยายามไม่เครียด และหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ก็จะช่วยให้อาการของโรคเกิดน้อยลงได้