กะหล่ำปลีทอดน้ำปลา ต้มยำ น้ำพริกอ่อง ผัดคะน้าน้ำมันหอย ลาบหมู อาหารแก้หวัด แกงฟักทอง แกงส้มดอกแคกุ้ง แกงสายบัวปลาทู ไข่เจียวชะอม

รวมสูตรเมนู “อาหารแก้หวัด”

เห็นหลายคนเริ่มจามกันจนน้ำหูน้ำตาไหล อาการแบบนี้ไม่ได้มีใครแอบนินทาแต่อย่างใด เพราะช่วงที่อากาศเริ่มเปลี่ยนจากฤดูหนึ่งกลายเป็นอีกฤดูหนึ่ง เดาได้ไม่ยากว่าเริ่มจะเป็นหวัดกันบ้างแล้ว ด้วยชีวิตประจำวันของเราหลีกเลี่ยงกับอากาศไม่ได้ ก็ต้องป้องกันด้วยอาหารการกิน การเลือกกินเป็นสิ่งสำคัญ มาดูเมนูเพื่อสุขภาพอาหารแก้หวัด แซ่บได้ และร่างกายแข็งแรงด้วย 1. ต้มยำ เครื่องต้มยำล้วนแล้วมีแต่สมุนไพรที่มีประโยชน์อย่างเช่น “ข่า” ช่วยบำรุงระบบไหลเวียนโลหิต…

Home / FOOD / รวมสูตรเมนู “อาหารแก้หวัด”

เห็นหลายคนเริ่มจามกันจนน้ำหูน้ำตาไหล อาการแบบนี้ไม่ได้มีใครแอบนินทาแต่อย่างใด เพราะช่วงที่อากาศเริ่มเปลี่ยนจากฤดูหนึ่งกลายเป็นอีกฤดูหนึ่ง เดาได้ไม่ยากว่าเริ่มจะเป็นหวัดกันบ้างแล้ว ด้วยชีวิตประจำวันของเราหลีกเลี่ยงกับอากาศไม่ได้ ก็ต้องป้องกันด้วยอาหารการกิน การเลือกกินเป็นสิ่งสำคัญ มาดูเมนูเพื่อสุขภาพอาหารแก้หวัด แซ่บได้ และร่างกายแข็งแรงด้วย

1. ต้มยำ

เครื่องต้มยำล้วนแล้วมีแต่สมุนไพรที่มีประโยชน์อย่างเช่น “ข่า” ช่วยบำรุงระบบไหลเวียนโลหิต “ตะไคร้” ช่วยบรรเทาอาการหวัด “ใบมะกรูด” ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ เมื่อนำมาทำเป็นเมนูต้มยำ จะช่วยในเรื่องคัดจมูกและระบบหายใจเป็นอย่างดี

วิธีทำ ต้มยำกุ้งน้ำข้น

สูตรต้มยำกุ้ง

ส่วนผสม

  • กุ้งกุลาดำตัวใหญ่ หรือกุ้งแม่น้ำ
  • เห็ดฟางผ่าครึ่ง
  • พริกขี้หนู
  • ใบมะกรูดฉีกเอาก้านออก
  • ข่าหั่นแว่น
  • ตะไคร้ทุบแล้วหั่นท่อน
  • ผักชี โรยหน้า
  • น้ำพริกเผา 1 ช้อนชา
  • มะนาว 1 ลูก
  • กะทิหรือนมข้นจืด 1/2 ถ้วย
  • น้ำตาล 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ 1 หยิบมือ
  • น้ำซุป (ถ้าไม่มีเป็นซุปสำเร็จรูปกับน้ำเปล่า)

ขั้นตอนการทำ

  1. ก่อนอื่นต้องแกะเปลือกกุ้งผ่าเอาเส้นดำออกล้างให้สะอาด หั่นเครื่องต้มยำ พริก ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูดและเห็ด ให้พร้อม
  2. นำน้ำซุปไปตั้งไฟให้เดือด ใส่เครื่องต้มยำลงไปให้หมด พอเดือดอีกครั้งก็ใสกุ้งที่เตรียมไว้ลงไปเลย
    หลังจากใส่กุ้งลงไปแล้ว ให้ใส่ น้ำตาล น้ำปลา พริกขี้หนู พริกเผา ใครชอบรสแบบไหนใส่ลงไปตามชอบ ตามด้วยเห็ดฟาง
  3. ปิดเตาแล้วค่อยปรุงด้วยมะนาว(เคล็ดลับการบีบน้ำมะนาว ไม่ควรใส่มะนาวในน้ำที่กำลังเดือด เพราะจะทำให้มะนาวและน้ำซุปมีรสชม) โรยเกลือนิดหน่อยเพื่อดึงรสเปรี้ยวหวานเค้มให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น
  4. จัดชามเสิร์ฟ หั่นผักโรยหน้า เพิ่มความหอม

2. กะหล่ำปลีทอดน้ำปลา

กะหล่ำปลีมีวิตามินซีสูง ช่วยต้านหวัดได้ดี ทำให้ร่างกายแข็งแรงและยังช่วยป้องกันการเลือดออกตามรายฟัน

สูตร กะหล่ำปลีทอดน้ำปลา

ส่วนผสม

  • น้ำมันรำข้าว 2 ช้อนโต๊ะ
  • กระเทียม 6 กลีบ
  • กะหล่ำปลี 350 กรัม
  • น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

ใส่น้ำมันลงไปผัดกับกระเทียม ไม่ต้องใช้ไฟแรงมาก นำกะหล่ำปลีลงไปผัด ผัดให้พอน้ำมันเคลือบทั่วกะหล่ำปลี ใส่น้ำปลาลงไป วิธีการใส่ให้ใส่รอบๆ กระทะ ทิ้งไว้ใช้เวลา 10 วินาทีแล้วผัดต่อสักพักแล้วนำขึ้นใส่จานได้เลยค่ะ

3. แกงฟักทอง

ช่วยภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายด้วยฟักทอง ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ และสารอาหาร จะทำไปทำเมนูไหนก็ได้ แต่หากทำกับวัตถุดิบที่เป็นเครื่องแกงจะยิ่งดีอย่าง แกงฟักทอง เป็นต้น

สูตร แกงฟักทอง

ส่วนผสม

  • เนื้อหมู 150 กรัม
  • พริกแกงเผ็ด 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันสำหรับผัด 1 ช้อนโต๊ะ
  • ฟักทอง 250 กรัม
  • พริกชี้ฟ้าแดง 1 เม็ด
  • ใบมะกรูด 4 ใบ
  • ใบโหรพา 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย ½ ช้อนชา
  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  • กะทิ 400 มล.

วิธีทำ แกงฟักทองหมู

  1. เตรียมฟักทอง เลือกฟักทองที่สด และแก่จัด สีเหลืองสวยงาม รสชาติหวานมัน ฟักทองแก่จัดจะได้ ความอร่อยหวานมันของฟักทอง แล้วนำมาล้างน้ำทำความสะอาด จากนั้นนำฟักทองมาผ่าซีกออก แล้วหั่นเป็นชิ้นๆ
  2. จากนั้นปอกเปลือกฟักทองออกให้หมด แล้วหั่นเป็นชิ้นๆขนาดพอคำ แล้วล้างน้ำให้สะอาด แล้วสะเด็ดน้ำพักไว้
  3. เลือกเนื้อหมูที่สดใหม่ จากนั้นนำมาหั่นเป็นชิ้นบางๆ ขนาดพอคำ เตรียมไว้
  4. เตรียมเครื่องปรุงรสต่างๆ สำหรับทำแกงฟักทองหมู ได้แก่ กะทิ ใบโหรพา ใบมะกรูด พริกชี้ฟ้าแดงหั่น น้ำตาลทราย น้ำปลา น้ำมันสำหรับผัด พริกแกงเผ็ด เตรียมไว้
  5. จากนั้นตั้งหม้อ ใช้ไฟอ่อนๆ แล้วใส่น้ำมันสำหรับผัดลงไป แล้วรอให้นำมันร้อน จากนั้นจึงใส่พริกแกงเผ็ดลงไป แล้วผัดให้หอมแตกมัน
  6. จากนั้นปรับไฟกลาง แล้วใส่เนื้อหมูหั่นบางลงไป แล้วผัดให้พอสุก
  7. จากนั้นใส่กะทิลงไปครึ่งนึง แล้วรอให้เดือดพล่าน จากนั้นใส่เครื่องปรุงรสต่างๆลงไป ใส่น้ำตาลทราย น้ำปลาใส่ลงไป แล้วรอให้เดือด
  8. จากนั้นนำฟักทองหั่นชิ้นใส่ลงไป จากนั้นเติมกะทิส่วนที่เหลือลงไป ให้พอท่วมฟักทอง
  9. จากนั้นรอให้เดือดอีกครั้ง แล้วจึงปิดฝาหม้อ แล้วต้มต่อไปประมาณ 5 นาที ฟักทองจะสุกพอดี
  10. เมื่อต้มให้ฟักทองสุกดีแล้ว จากนั้นจึงใส่ใบมะกรูดฉีก พริกชี้ฟ้าแดงหั่น ใบโหรพาใส่ลงไป
  11. จากนั้นคนเบาๆ ให้ส่วนผสมเข้ากันดี แล้วปิดไฟยกลง
  12. จะได้แกงฟักทองหมู รสชาติเข้มข้นกลมกล่อม หวานมันหอมอร่อย ฟักทองหวานมัน เนื้อหมูนุ่มๆ กับกะทิหอมมัน หอมอร่อยเข้ากัน พร้อมจัดเสิร์ฟ
  13. จัดเสิร์ฟ แกงฟักทองหมูหอมๆ เมนูอาหารแสนอร่อย รสชาติเข้มข้นกลมกล่อม หวานมันหอมอร่อย ฟักทองหวานมัน เนื้อหมูนุ่มๆ กับกะทิหอมมัน หอมอร่อยเข้ากัน มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
  14. แกงฟักทองหมูหอมๆ เมนูอาหารแสนอร่อย รสชาติเข้มข้นกลมกล่อม หวานมันหอมอร่อย ฟักทองหวานมัน เนื้อหมูนุ่มๆ กับกะทิหอมมัน หอมอร่อยเข้ากัน มีประโยชน์ต่อสุขภาพ

ขอบคุณสูตรจาก thai-thaifood.com

4. แกงสายบัว

สายบัว มีประโยชน์มาก สามารถถอนพิษไข้ได้ และช่วยในเรื่องของการแก้ไอและขับเสมหะ

สูตร แกงสายบัวปลาทู

ส่วนผสม 
  • สายบัวลอกเปลือกออก เด็ดเป็นท่อน 200 กรัม
  • ปลาทูนึ่ง แกะเอาแต่เนื้อ 1 ตัว
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
  • กะทิ 200 มิลลิลิตร
  • หอมแดง 5 หัว
  • พริกไทย 1 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ
  • กะปิ 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • ใบมะกรูด 5 ใบ

วิธีทำ แกงสายบัว

  1. โขลกหอมแดงกับพริกไทยให้เข้ากัน จากนั้นใส่กะปิลงไป แล้วโขลกให้เข้ากันอีกครั้ง
  2. ตั้งหม้อใส่น้ำกะทิครึ่งนึง แล้วตักหอมที่โขลกไว้ใส่ลงไป น้ำกะทิเดือดจนมีกลิ่นหอม
  3. นำสายบัวใส่ลงไป ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล และน้ำมะขามเปียก คนให้สายบัวโดนน้ำให้หมด ใส่เนื้อปลาทูลงไป ตั้งไว้ 5 นาที
  4. เติมน้ำกะทิที่เหลือ โรยหน้าโดยใบมะกรูด ชิมรส ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟกับข้าวสวยร้อนๆ

ขอบคุณสูตรจาก cookpad.com

5. ไข่เจียวชะอม

สรรพคุณของชะอม ช่วยลดอุณหภูมิของร่างกาย และยังช่วยขับลมออกจากร่างกาย ทำให้ให้รู้สึกสบายตัว อาการครั่นเนื้อครั่นตัวจะหายไป

สูตร ไข่เจียวชะอม

ส่วนผสม 

  • ไข่ไก่ 3 ฟอง
  • ชะอม 1 ถ้วย
  • ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  • ผงปรุงรส 2 ช้อนชา

วิธีทำ ไข่เจียวชะอม

  1. เด็ดชะอมให้เรียบร้อย ล้างน้ำให้สะอาด
  2. ตอกไข่ใส่ชาม ตีให้เข้ากัน ใส่ชะอมลงไป ปรุงรสซีอิ๊วขาว ผงปรุงรส
  3. เมื่อคลุกให้ทั่วเข้ากันดี ก้ตั้งน้ำมันกระทะให้เดือด แล้วเทไข่ลงไป รอจนอีกด้านสุก แล้วค่อยกลับอีกด้านทอดต่อจนสุก ยกขึ้น หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาดพอคำ

6. ผัดคะน้าน้ำมันหอย

การป้องกันไว้ก่อน ดีกว่าแก้ทีหลัง เป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนที่ต้องออกไปเจอมลพิษนอกบ้านบ่อยๆ ร่างกายก็จะซึมซับเชื้อโรคต่างๆ ต้องป้องกันด้วยของกินอย่าง คะน้า จะช่วยในเรื่องของการป้องกันเชื้อโรค และอีกทั้งยังช่วยในเรื่องบำรุงผิวพรรณอีกด้วย

สูตร ผัดคะน้าน้ำมันหอย

ส่วนผสม

  • คะน้า 400 กรัม
  • กระเทียมสับหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ
  • พริกไทย 1 ช้อนชา
  • น้ำมันหอย 5 ช้อนโต๊ะ
  • ซิอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาล 1/4 ช้อนชา
  • น้ำซุป 1/2 ถ้วยตวง
  • น้ำมันพืชสำหรับผัด

วิธีทำ ผัดคะน้าน้ำมันหอย

  1. ใส่น้ำมันลงในกระทะและนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง พอน้ำมันร้อนใส่กระเทียมและคะน้าลงไปผัด ทิ้งไว้ประมาณ 1 นาทีให้ผักนุ่ม
  2. ปรุงรสด้วย น้ำมันหอย, ซิอิ๊วขาวและน้ำตาล ใส่น้ำซุปลงไป เร่งไฟแรง ผัดอย่างรวดเร็ว จนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี แล้วจึงปิดไฟ
  3. ตักใส่จาน เหยาะพริกไทยโรยหน้า เสริฟทันทีพร้อมข้าวสวยร้อนๆ

ขอบคุณสูตรจาก cookpad.com

7. น้ำพริกผักลวก

เมนูง่ายๆ ที่กินถูกปากและยังช่วยในเรื่องการรักษาสุขภาพได้อีกด้วย อย่างผักลวกและน้ำพริก ส่วนมากผักที่เลือกนำมาแนมกับน้ำพริก จะมีวิตามินซีเยอะ บวกกับสมุนไพรที่นำมาตำเป็นน้ำพริก ถือว่าเป็นการป้องกันโรคภัยแบบดับเบิ้ล แถมยังอร่อยอยู่ท้อง

วิธีทำ น้ำพริกอ่อง

ส่วนผสมน้ำพริกอ่อง

  • เนื้อหมูบด 400 กรัม
  • มะเขือเทศลูกเล็ก 20 ลูก
  • น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
  • พริกขี้หนูแห้ง 20 เม็ด
  • หอมแดง 5 หัว
  • กระเทียม 10 กลีบ
  • กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ 1 หยิบมือ
  • ผักชีและต้นหอมซอยเพื่อโรยหน้า

วิธีทำเครื่องแกง สำหรับน้ำพริกอ่อง

  1. โขลกพริก หอมแดง และกระเทียม โขลกรวมกันให้ละเอียด
  2. ใส่กะปิและเกลือลงไป โขลกอีกครั้งอย่างเบามือ

วิธีทำ น้ำพริกอ่อง

  1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อย ใช้ไฟปานกลาง ใส่เครื่องแกงลงไปให้พอมีกลิ่นหอม ใส่หมูบดลงไป ผัดให้จนหมูสุก
  2. พอเห็นว่าน้ำเริ่มแห้งให้เติมน้ำสะอาดลงไปเพียงเล็กน้อย พอน้ำพริกเดือดให้นำมะเขือเทศที่ผ่าไว้แล้วใส่ลงไป ผัดเล็กน้อยและรอจนมะเขือเทศสุก จากนั้นก็ปิดไฟจัดใส่จานเสิร์ฟได้เลย ถ้าให้ดีก็ทานคู่กับแคบหมูกรอบๆ

8. ซุปไก่

น้ำซุปไม่ได้มีประโยชน์แค่เอามาซดให้คล่องคอ ประโยชน์ในน้ำซุปนั้นมีมากมาย ช่วยลดอาการไอ และ การอักเสบของปอด และยิ่งได้กินอุ่นๆ ปรับอุณภูมิในร่างกาย ไร้ไขหวัดแน่นอน

วิธีทำ น้ำซุปหรือน้ำสต็อค

ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก เพียงต้มน้ำสะอาดให้เดือด ใส่กระดูกหมูหรือกระดูกไก่ลงไป และตามด้ายรากผักชี พริกไทย กระเทียบทุบ แครอท หัวไชเท้า หอมใหญ่ ผักบางอย่าง อย่าง แครอท หอมใหญ่หรือหัวไชเท้า หากไม่มีก็ไม่ต้องใส่ก็ได้ค่ะ แต่เพื่อเพิ่มความหอม อยากได้ซุปเปล่าๆ ไว้ซดเล่นๆ ก็ใส่ลงไปได้ เพิ่มความกลมกล่อมด้วยเกลือเล็กน้อย เปิดไฟอ่อน เคี่ยวไปเรื่อยๆ สัก 1 ชั่วโมง

9. ลาบ

พริก หอมแดง และสะระแหน่  ที่มีกลิ่นฉุน ผักจำพวกนี้ช่วยในเรื่องหวัดได้เป็นอย่างดี กินแล้วจมูกโล่ง ช่วยสดชื่นกะปรี้กะเปร่า แข็งแรงได้ตลอดเวลา

สูตร ลาบหมู

ส่วนผสม

  • น้ำเปล่า 1/4 ถ้วย
  • หมูบด 250 กรัม
  • ตับ 50 กรัม
  • หนังหมูลวก
  • พริกขี้หนูคั่วป่น
  • ข้าวคั่ว 3 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะนาว 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  • หอมแดงซอย
  • ผักชีฝรั่งซอย
  • ผักชีสับ
  • ใบสะระแหน่

วิธีทำ

  1. ลวกตับและหนังหมู เตรียมไว้ก่อน
  2. เทน้ำเปล่าลงไปในหม้อเล็กน้อย เปิดไฟปานกลาง เมื่อน้ำเดือดแล้วก็นำหมูลงไปรวนให้สุก เทน้ำเปล่าใสเล็กน้อย และรวนหมูให้สุก ใส่หนังหมูลวกลงไป
  3. เสร็จแล้วก็นำตับและหนังหมูที่ลวกไว้แล้วลงไป ตามด้วยพริกขี้หนูคั่วป่น และข้าวคั่วตามใจชอบ จากนั้นก็คนให้เข้ากัน
  4. ใส่พริกขี้หนูคั่วป่น ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว แลน้ำปลา ตามด้วยหอมแดง ผักชีฝรั่ง ผักชีสับ และใบสะระแหน่ คลุกเคล้าให้เข้ากันพอประมาณ เสร็จแล้วก็ตักใส่จานเสิร์ฟ
  5. ใส่หอมแดง ผักชีฝรัง หรือผักตามชอบและคลุกเคล้าให้เข้ากัน

10. แกงส้มดอกแค

ดอกแค ช่วยปรับสมดุลภายในร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกันไข้หวัด อีกทั้ง พริกแกง ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย ทำให้สุขภาพแข็งแรง

สูตร แกงส้มดอกแคกุ้ง

ส่วนผสม

  • น้ำพริกแกงส้ม 3 ช้อนโต๊ะ
  • กุ้งสด 10-12 ตัว
  • ดอกแค 400 กรัม
  • น้ำปลา 5 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะขามเปียก 1/2 ถ้วยตวง
  • น้ำมะนาว 2 ช้อนชา
  • น้ำสะอาด 5 ถ้วย

วิธีทำ แกงส้มดอกแค

  1. นำดอกแคมาแกะเกสรออก ล้างในน้ำสะอาด สะเด็ดน้ำและพักไว้
  2. ล้างทำความสะอาดกุ้ง ปอกเปลือก ผ่าหลัง พักไว้
  3. นำน้ำสะอาดใส่หม้อตั้งบนไฟร้อนปานกลาง ใส่น้ำพริกแกงส้มลงไป ต้มรอจนน้ำเดือด จึงใส่กุ้งสด และดอกแค
  4. ต้มจนกุ้งและดอกแคเริ่มสุก จึงปรุงรสด้วย น้ำตาลปี๊บ, น้ำปลา และน้ำมะขามเปียก ชิมจนได้รสชาติที่ต้องการ จึงปิดไฟ ยกลงจากเตา เติมน้ำมะนาวและคนให้เข้ากัน
  5. ตักแกงส้มใส่ชาม เสริฟทันทีพร้อมข้าวสวยร้อนๆ

ขอบคุณสูตรจาก ezythaicooking.com


ข้อมูลจาก festforfood.com