ให้โลกได้ยลโฉม BMW ปล่อย Concept i4 รถยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต

เมื่อไม่นานมานี้ BMW ได้เปิดตัวโลโก้ใหม่ ที่ถือได้ว่าเป็นการเขย่าแบรนด์ครั้งสำคัญเลยก็ว่าได้ แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่าโลโก้ใหม่นั้นได้ถูกประทับอยู่รถยนต์ BMW ที่มีรูปลักษณ์สะดุดตา นั่นคือ BMW Concept i4 ที่เป็นตัวแทนของรถยนต์ไฟฟ้าแห่งยุค Sheer Driving…

Home / AUTO / ให้โลกได้ยลโฉม BMW ปล่อย Concept i4 รถยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต

เมื่อไม่นานมานี้ BMW ได้เปิดตัวโลโก้ใหม่ ที่ถือได้ว่าเป็นการเขย่าแบรนด์ครั้งสำคัญเลยก็ว่าได้ แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่าโลโก้ใหม่นั้นได้ถูกประทับอยู่รถยนต์ BMW ที่มีรูปลักษณ์สะดุดตา นั่นคือ BMW Concept i4 ที่เป็นตัวแทนของรถยนต์ไฟฟ้าแห่งยุค Sheer Driving Pleasure

BMW Concept i4 เป็นรถพลังงานไฟฟ้าตระกูล Gran Coupe ซึ่งถือกำเนิดจากแนวคิดในการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมซึ่งยังคงความสง่างามหรูหรา BMW จึงนำพลังงานไฟฟ้าที่เป็นหัวใจหลักของแบรนด์ ผ่านการออกแบบจนได้ยานยนต์ไฟฟ้าซึ่งปล่อยมลภาวะเป็นศูนย์ (zero local emissions) แต่ยังคงความงดงามที่สมบูรณ์แบบเอาไว้ด้วย

ดังนั้นหัวใจของ BMW Concept i4 คือมอเตอร์ไฟฟ้า ด้วยเทคโนโลยี BMW eDrive เจเนอเรชันที่ 5 สามารถส่งกำลังสูงสุด 390 กิโลวัตต์ / 530 แรงม้า เทียบเท่าได้กับเครื่องยนต์ BMW V8 ในปัจจุบัน เร่งความเร็วจาก 0-100 กม. ได้ภายใน 4 วินาที มีอัตราเร่งสูงสุด 200 กม.ต่อชั่วโมง ในการชาร์จแต่ละครั้งสามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางประมาณ 600 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP นอกจากนี้ยังเด่นที่ระบบการส่งพลังได้อย่างเงียบสนิทแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน 

การดีไซน์รูปลักษณ์ใหม่นี้เพิ่มความทันสมัย และความมั่นใจ ให้กับ BMW Concept i4 ซึ่งโดดเด่นด้วยองค์ประกอบทั้งลายเส้นคมชัดลื่นไหล เฉดสีภายนอกดูทันสมัยด้วยสี Frozen Light Copper ที่เหมือนรถ BMW Vision iNEXT ยังตอกย้ำความเป็น BMW ตระกูล i ด้วยการเพิ่มเส้นสายสีฟ้าทั้งด้านหน้าและด้านข้าง ทั้งยังดีไซน์ตามหลัก aerodynamic ตั้งแต่กระจังหน้าไปถึงขอบล้อช่วยให้ BMW Concept i4 คันนี้ สามารถขับขี่ได้ระยะทางไกลขึ้น ขณะที่ฐานล้อยาวเป็นพิเศษทำให้มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารเหลือเฟือ ส่วนหลังคาที่ค่อยๆ ลาดลงด้านหลังช่วยเพิ่มมิติของความหรูหรา

แม้ว่ารถคันนี้จะไม่มีการเผาไหม้และไม่ต้องระบายความร้อนแล้ว แต่ BMW Concept i4 ยังคงมีกระจังหน้าไตคู่อันเป็นเอกลักษณ์ของ BMW โดยจะเปลี่ยนบทบาทเป็น “แผงอัจฉริยะ” ที่ติดตั้งเซ็นเซอร์ต่างๆ แทน นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีที่ผสานเอาไว้อย่างแนบเนียน อาทิ คลิปประตูที่สเกิร์ตข้างที่หุ้มแบตเตอรี่ไว้ รวมถึงดิฟฟิวเซอร์ (Diffuser) ขนาดใหญ่ที่ช่วยเติมเต็มงานดีไซน์ให้กลมลืนยิ่งขึ้น

ที่ด้านหลังโดดเด่นด้วยไฟท้าย L-shape รูปตัว L รับกับขอบบนฝากระโปรงท้ายที่ยื่นออกมาเล็กน้อยเพื่อให้เป็นสปอยเลอร์หลังในตัว ขณะที่ส่วนชายล่างติดตั้งดิฟฟิวเซอร์ขนาดใหญ่ ตกแต่งด้วยแถบสีฟ้า BMW i Blue บ่งบอกถึงการมีอยู่ของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าที่ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบจาก BMW i Vision Dynamics

ที่นั่งคนขับถูกออกแบบมาเพื่อเน้นการขับขี่ด้วยตัวเอง แผงคอนโซลจึงถูกปรับเป็นระบบดิจิทัลโค้งแนวนอนขนาดใหญ่ที่ทำงานร่วมกับพวงมาลัย ซึ่งจะแสดงส่วนข้อมูลและส่วนควบคุมแบบควมรวมกันทุกฟังก์ชั่นการทำงานเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยตัวหน้าจอใช้กระจกที่ไม่สะท้อนแสง ช่วยลดความจำเป็นในการขยับหรือปรับเงาของจอแสดงผล แถมยังช่วยให้ห้องโดยสารโปร่งโล่งมากยิ่งขึ้น

การอออกแบบภายในเน้นสีบรอนซ์ทองผสมกับโครเมี่ยมเพื่อให้สะท้อนถึงความอบอุ่นเหนือระดับ พร้อมห้องโดยสารมีขนาดใหญ่ มีพื้นที่วางขากว้างขึ้นเป็นพิเศษ พนักพิงศีรษะแบบรวมเป็นชิ้นเดียวกับที่นั่ง แผงควบคุมกลางถูกหยิบเข้ามาใช้แทนที่คันเกียร์แบบเดิม องค์ประกอบต่างๆ เช่นตัวควบคุม iDrive Controller และปุ่มหน่วยความจำเพื่อปรับที่นั่งนั้นถูกวางในครอบแก้วคริสตัลได้อย่างสวยหรู เบาะนั่งผสมผสานระหว่างผ้าและหนังได้อย่างลงตัว และตกแต่งด้วยลายเส้นกราฟิก ซึ่งทั้งหมดใช้วัสดุคุณภาพสูงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  

แม้ BMW Concept i4 จะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เงียบกริบ แต่การออกแบบยังให้ความสนใจกับเรื่องสุนทรียภาพในการขับขี่ จึงจับมือกับนักแต่งเพลงระดับตำนานอย่าง Hans Zimmer ร่วมกับดีไซเนอร์ด้านเสียงของ BMW อย่าง Renzo Vitale มาช่วยออกแบบเสียงต่างๆ ตั้งแต่เสียงเมนูควบคุมไปจนถึงเสียงในโหมดขับขี่ที่ช่วยเพิ่มอารมณ์และความตื่นเต้นให้กับยานยนต์ไฟฟ้าของ BMW

ข่าวดีคือการผลิต BMW Concept i4 ใหม่จะเริ่มขึ้นในปี 2021 ที่โรงงานหลักของ BMW Group ในมิวนิค นั่นหมายความว่าในอนาคตอันใกล้นี้ เราจะได้เห็นยานยนต์ไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งนับเป็นก้าวใหม่ที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลกเลยก็ว่าได้