Black Badge Cullinan Rolls-Royce คัลลิแนน แบล็ค แบดจ์ โรลส์-รอยซ์

Rolls-Royce เปิดตัว Black Badge Cullinan ราชันย์แห่งรัตติกาล

คัลลิแนน ถูกเปิดตัวในฐานะยนตรกรรม แบล็ค แบดจ์ ที่ลุ่มลึกและเคร่งขรึมที่สุดเท่าที่เคยมีมา นับเป็นครั้งแรกที่สถาปัตยกรรมแห่งความหรูหรา (Architecture of Luxury) อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้ถูกนำมาใช้ในยนตรกรรม แบล็ค แบดจ์ ภายนอกของแบล็ค แบดจ์ คัลลิแนน:…

Home / AUTO / Rolls-Royce เปิดตัว Black Badge Cullinan ราชันย์แห่งรัตติกาล

คัลลิแนน ถูกเปิดตัวในฐานะยนตรกรรม แบล็ค แบดจ์ ที่ลุ่มลึกและเคร่งขรึมที่สุดเท่าที่เคยมีมา นับเป็นครั้งแรกที่สถาปัตยกรรมแห่งความหรูหรา (Architecture of Luxury) อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้ถูกนำมาใช้ในยนตรกรรม แบล็ค แบดจ์

ภายนอกของแบล็ค แบดจ์ คัลลิแนน: ราชันย์แห่งรัตติกาล (The King of the Night)
แม้ลูกค้าสามารถเลือกสีได้มากถึง 44,000 เฉดสี ที่เตรียมไว้ให้ หรือสั่งผลิตเฉดสีที่ผสมและออกแบบขึ้นมาใหม่โดยเฉพาะก็ย่อมได้ แต่กลับเป็นที่คาดเดาได้ว่า ลูกค้าส่วนมากจะเลือกสีดำอันเป็นเอกลักษณ์ของ แบล็ค แบดจ์ โดยใช้การพ่นอย่างประณีตหลายชั้น และขัดด้วยมือถึง 10 รอบ ณ Home of Rolls-Royce ในกู้ดวูด เวสต์ ซัสเซ็กซ์ ได้สะท้อนถึงกระบวนการทำสีที่พิถีพิถันที่สุดเท่าที่เคยมีมา ความลุ่มลึกและเคร่งขรึมของสีบนตัวถังของ แบล็ค แบดจ์ คัลลิแนน เปรียบดังผืนผ้าใบอันสมบูรณ์แบบ ในการรังสรรค์เส้น Coachline ที่วาดด้วยมือ โดยใช้เฉดสีที่ตัดกันบริเวณด้านข้างตัวถัง เพิ่มความโดดเด่นให้กับยนตรกรรมที่เปรียบเสมือนงานศิลปะ

Black Badge Cullinan

ด้านหน้ารถเป็นจุดที่อัตลักษณ์แห่ง แบล็ค แบดจ์ ได้ตั้งอยู่อย่างสง่างาม คือ สัญลักษณ์สปิริต ออฟ เอ็กสตาซีซึ่งครั้งนี้ได้ถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยโครเมียมรมดำเคลือบผิวไฮกลอส และนับเป็นครั้งแรกที่ฐานของนางฟ้าก็ถูกแต่งด้วยวัสดุเดียวกัน ทำให้เกิดเป็น แบล็ค แบดจ์ ที่เคร่งขรึมที่สุด

การแปลงโฉมในรูปแบบนี้ ได้ถูกถ่ายทอดไปยังสัญลักษณ์อื่นๆ ของแบล็ค แบดจ์ ไม่ว่าจะเป็นโลโก้ ‘RR’ บริเวณส่วนหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง  ที่ถูกเปลี่ยนเป็นลายเส้นสีเงินบนพื้นดำ ขณะที่พื้นผิวโครเมียม เช่นกรอบกระจังหน้า กรอบหน้าต่าง มือจับเปิดประตูหลังรถ บริเวณเหนือประตูหลังรถ กรอบช่องดักอากาศด้านล่าง และท่อไอเสียถูกพ่นด้วยสีเข้ม ส่วนกระจังหน้ารถแม้จะเป็นสีดำ แต่ยังคงความเงางาม ทำให้เด่นชัดขึ้นด้วยกรอบสีดำโดยรอบ เพื่อเพิ่มความเด่นชัดของการเคลื่อนไหว ที่บ่งบอกเป็นนัยถึงเจตคติอันทรงพลัง

Black Badge Cullinan

ผลลัพธ์โดยรวมของการออกแบบ ช่วยเสริมให้ดีไซน์ภายนอกดูโดดเด่น เน้นสัดส่วนที่ดูโอ่อ่า ภูมิฐาน และภาพลักษณ์ที่ดูโฉบเฉี่ยวมั่นใจ สิ่งนี้ยังถูกเสริมด้วยล้อแม็กลายใหม่ขอบ 22 นิ้ว อันเป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของ แบล็ค แบดจ์ รูปลักษณ์ที่คล้ายเฟืองสะท้อนพละกำลังมหาศาล ผสานสัญลักษณ์อินฟินิตี้ที่ไร้จุดสิ้นสุด

สีดำเงาและการออกแบบที่ประณีต ช่วยขับคาลิเปอร์เบรกสีแดงให้โดดเด่น ซึ่งสีแดงแบบพิเศษนี้สามารถทนความร้อนได้มากขึ้น ขณะที่ยังคงพื้นผิวสัมผัสที่ราบเรียบอย่างไร้ที่ติ อันคู่ควรแก่แบรนด์ โรลส์-รอยซ์

 ห้องโดยสารของ แบล็ค แบดจ์ คัลลิแนน: ที่สุดแห่งความสะดวกสบายที่มาพร้อมดีไซน์อันห้าวหาญ
โดยปกติแล้ว ความมุ่งมั่นและความพยายามได้ถูกทุ่มเทลงไปในการออกแบบ เพื่อให้ผู้โดยสารสัมผัสถึงความสะดวกสบายและแทบไม่รู้สึกถึงการทำงานของเครื่องยนต์ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญทีม Colour and Trim ของแบรนด์ได้บรรจงคัดสรรองค์ประกอบทางวิศวกรรมของ แบล็ค แบดจ์ มานำเสนอ โดยผสมผสานความสะดวกสบายขั้นสูงสุด สุนทรียภาพ วัสดุที่ล้ำสมัย เข้ากับงานฝีมืออันวิจิตและบรรจง

แบล็ค แบดจ์ คัลลิแนน

แนวคิดนี้ถูกนำมาปรับใช้อย่างลงตัวกับแผงวีเนียร์เทคนิคัล คาร์บอนของ แบล็ค แบดจ์ คัลลิแนน ซึ่งอิงตามปรัชญาของเซอร์ เฮนรี รอยซ์เมื่อครั้งก่อตั้งแบรนด์ที่ว่า ‘หากสิ่งไหนไม่มีอยู่ จงออกแบบมันขึ้นมา’ ความร่วมมือระหว่างทีมนักออกแบบ วิศวกร และช่างฝีมือของแบรนด์ ก่อให้เกิดชิ้นงานลักซ์ชัวรีใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ด้วยแรงบันดาลใจจากผลงานชิ้นเอกของสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ พื้นผิวจากการถักทอคาร์บอน ไฟเบอร์ ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อสร้างลายแพทเทิร์นรูปทรงเรขาคณิต ก่อให้เกิดพื้นผิวสามมิติอันทรงพลัง

เทคนิคัล คาร์บอนแต่ละชิ้น เคลือบแลกเกอร์ 6 ชั้น ก่อนจะถูกพักไว้เป็นเวลา 72 ชั่วโมง จากนั้นจึงนำมาขัดเงาด้วยมือจนเกิดผิวสัมผัสราวกับกระจก อันเป็นดังสัญลักษณ์ แสดงคุณภาพของโรลส์-รอยซ์ กระบวนการทั้งหมดนี้ใช้ระยะเวลา 21 วัน และผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียดโดยเหล่าช่างฝีมือ เพื่อให้มั่นใจได้ถึงความมันเงาที่สม่ำเสมอและทั่วถึง ในแต่ละชิ้นงานจากทั้งหมด 23 ชิ้น

Black Badge Cullinan

เพดาน Starlight Headliner ลายเป็นอีกหนึ่งอัตลักษณ์ของ โรลส์-รอยซ์ เช่นเดียวกันกับสัญลักษณ์สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี, กระจังหน้าแบบ Pantheon และโมโนแกรม ’RR’ การตกแต่งเพดานด้วยเทคนิคดังกล่าวใน แบล็ค แบดจ์ คัลลิแนน ช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร ด้วยแสงเรืองรองที่ส่องลงบนเบาะหนังสุดหรู เพดานที่ผลิตด้วยวัสดุหนังสีดำคุณภาพสูง และประกอบด้วยแสงสว่างจากเส้นไยไฟเบอร์ออฟติกถักทอด้วยมือจำนวน 1,344 จุด เป็นเสมือนภาพสะท้อนของท้องฟ้ายามราตรี และยังมีลูกเล่นดาวตกสีขาวจำนวน 8 ดวง ที่พุ่งผ่านเพดานหลากทิศทาง รวมถึงบริเวณเพดานเหนือที่นั่งด้านหน้า สะท้อนถึงเสน่ห์ของยนตรกรรมที่ให้ความสำคัญกับผู้ขับได้เป็นอย่างดี

เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพยนตรกรรมสั่งผลิตพิเศษของแบรนด์ แบล็ค แบดจ์ คัลลิแนน มอบตัวเลือกสีสันสำหรับการตกแต่งภายใน ที่สามารถปรับแต่งได้แทบไร้ขีดจำกัด ลูกค้าของยนตรกรรม แบล็ค แบดจ์ มักใช้พื้นที่ภายในรถยนต์เพื่อสรรสร้างโทนสีอันแตกต่าง ดังนั้น สำหรับคัลลิแนน ทีมนักออกแบบทีมของ โรลส์-รอยซ์

แบล็ค แบดจ์ คัลลิแนน

ได้สร้างสีสันสุดโดดเด่นสำหรับวัสดุหนังขึ้นใหม่ ในชื่อสีฟอร์จ เยลโลว (Forge Yellow) เพิ่มเข้าไปในคอลเลกชันสั่งผลิตพิเศษของแบรนด์ และเช่นเดียวกับสีของวัสดุหนังทุกสี สีฟอร์จ เยลโลว (Forge Yellow) สามารถนำไปใช้กับที่นั่งชมวิว (Viewing Suite) หรือเสริมการออกแบบ Bespoke ของ Recreation Module ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้า

องค์ประกอบสุดท้ายที่เติมเต็มห้องโดยสาร ได้แก่ สัญลักษณ์อินฟินิตี ที่ถูกปักลงบนที่พักแขนแบบพับได้บริเวณเบาะหลัง ราวกับเป็นตัวแทนของขุมพลังที่ซ่อนอยู่ภายใน สัญลักษณ์อันเรียบง่ายแต่แข็งแกร่งนี้ ยังได้ถูกใช้สลักบนแผ่นโลหะเรืองแสง และบนกรอบโลหะสีเข้มของนาฬิกา ซึ่งปลายเข็มนาฬิกาสีแดงและหน้าปัดอุปกรณ์ เป็นสิ่งสะท้อนถึงพลังอันน่าเกรงขาม

แบล็ค แบดจ์ คัลลิแนน

แบล็ค แบดจ์ คัลลิแนน ยังมาพร้อมกับเครื่องยนต์ทวิน เทอร์โบ วี12 สูบ 6.75 ลิตร ผ่านระบบไอเสียแบบใหม่ ที่ป่าวประกาศการมาถึงของ แบล็ค แบดจ์ คัลลิแนน ด้วยเสียงทุ้มต่ำอันทรงพลัง

ความยืดหยุ่นของเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบ วี12 สูบ ได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์ในการเพิ่มขุมพลังขึ้นอีก 29PS รวมเป็นความแรงถึง 600PS หรือ 592 แรงม้า สัมผัสของเกียร์เดียว ยังได้ถูกเสริมด้วยการเพิ่มแรงบิดขึ้น 50NM ทำให้รวมแรงบิดเป็น 900NM

แบล็ค แบดจ์ คัลลิแนน ยังได้อิทธิพลจากการปรับแต่งระบบส่งกำลังและลิ้นเร่งแบบ Bespoke ที่พุ่งทะยานอย่างทรงพลัง โดยยังคงประสบการณ์การขับแบบพรมวิเศษ ดังเช่นยนตรกรรม โรลส์-รอยซ์รุ่นอื่นๆ ระบบขับเคลื่อน กล่องเกียร์ ZF 8 สปีด และเพลาทั้งหน้าหลัง ทำงานร่วมกันเพื่อปรับระดับการทำงานตามองศาของลิ้นเร่งและพวงมาลัย การเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าและองค์ประกอบของระบบกันสั่นสะเทือน เป็นเทคโนโลยีเพิ่มเติมซึ่งช่วยรักษาความสมดุลให้เหมาะสมระหว่างแรงขับเคลื่อนและความนุ่มนวล ผลลัพธ์ที่ออกมา คือ ยนตรกรรมสุขุมลุ่มลึกเมื่อขับด้วยความเร็วต่ำ ที่พร้อมกลายร่างเป็นยนตรกรรมอันโดดเด่นทรงพลังทันทีที่ต้องการ

เพื่อเป็นการเสริมความมั่นใจให้ผู้ขับ ระยะแป้นเหยียบถูกปรับให้กระชับขึ้น พร้อมจานเบรกที่ออกแบบให้ทนความร้อนได้สูงเป็นพิเศษ