EV car mg MG ZS EV รถยนต์ไฟฟ้า รถเอ็มจี เปรียบเทียบรถยนต์

MG ZS EV ไทย vs. MG eZS จีน ต่างกันแค่ไหน ใครให้คุ้มกว่ากัน

หลังจากที่ MG ZS EV ได้เปิดตัวรถอเนกประสงค์ขุมพลังไฟฟ้าให้แฟนๆ ชาวไทยได้เป็นเจ้าของอย่างเป็นทางการ ในราคาสุดว้าวเพียง 1,190,000 บาท โดยยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีขุมพลังขับเคลื่อนไฟฟ้าที่ทันสมัย ได้รับการยอมรับในคุณภาพระดับสากล แต่สิ่งที่สร้างความน่าสงสัยไม่แพ้กันก็คือ MG ZS EV…

Home / AUTO / MG ZS EV ไทย vs. MG eZS จีน ต่างกันแค่ไหน ใครให้คุ้มกว่ากัน

หลังจากที่ MG ZS EV ได้เปิดตัวรถอเนกประสงค์ขุมพลังไฟฟ้าให้แฟนๆ ชาวไทยได้เป็นเจ้าของอย่างเป็นทางการ ในราคาสุดว้าวเพียง 1,190,000 บาท โดยยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีขุมพลังขับเคลื่อนไฟฟ้าที่ทันสมัย ได้รับการยอมรับในคุณภาพระดับสากล แต่สิ่งที่สร้างความน่าสงสัยไม่แพ้กันก็คือ MG ZS EV สเปคไทย และในสเปคจีน ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านั้นว่า MG eZS ต่างกันอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นด้านออพชั่น วัสดุตกแต่ง รวมไปถึงเทคโนโลยีต่างๆ จะมีความแตกต่างและคุ้มค่าขนาดไหน วันนี้จะมาเปรียบเทียบกัน

MG ZS EV

โดย MG ZS EV สเปคไทยที่เข้ามาจำหน่ายมีเพียงเกรดเดียว แต่ MG eZS จะมีมากถึง 4 เกรด (E-Base / E-Lite / E-Plus / E-Pro) สิ่งที่น่าจับตาที่สุดก็คือในเกรดรองท็อป (E-Plus) และเกรดท็อปสุด (E-Pro) ที่ใกล้เคียงกับสเปคไทยอย่างมาก รวมไปถึงออพชั่นต่างๆ แทบจะไม่ต่างกัน โดยเฉพาะขนาดล้ออัลลอย 17 นิ้ว และยาง 215/50 R17, หลังคาพาโนรามิค ซันรูฟ, เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง, ระบบฟอกอากาศพร้อมกรองฝุ่น PM 2.5, ลำโพง 6 จุด, ม่านถุงลมนิรภัย เป็นต้น เรียกได้ว่าออพชั่นใหม่มาแทบเหมือนกัน ยกเว้นเพียงไม่มีระบบฮีตเตอร์อุ่นเบาะนั่งเพียงอย่างเดียว

MG ZS EV

ส่วนระบบขับเคลื่อนทั้ง 2 สเปค จะเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor, แบตเตอรี่ แบบลิเธี่ยมไอออน (Lithium-ion) ความจุ 44.5 kWh พละกำลังสูงสุด 110 กิโลวัตต์ (150 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร รวมไปถึงระบบกู้คืนพลังงานไฟฟ้าในระหว่างขับขี่ KERS (Kinetic Energy Recovery System) สามารถเร่งจาก 0-50 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ด้วยระยะเวลาแค่ 3.1 วินาที และให้ระยะทางขับเคลื่อนสูงสุด 337 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ทว่าในสเปคจีนทุกเกรดย่อยระบุเพียงแต่ว่า ให้ระยะทางขับเคลื่อนสูงสุด 335 กิโลเมตร* ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง

MG ZS EV

ส่วนประสิทธิภาพการชาร์จไฟ ทั้งจากการชาร์จไฟบ้านธรรมดาผ่าน MG Home Charger ใช้เวลาชาร์จเต็มราวๆ 6.5 ชั่วโมง แต่ถ้าชาร์จผ่านสถานีชาร์จ จะสามารถชาร์จได้ตั้งแต่ 0-80% ภายใน 30 นาที ซึ่งเท่ากันทั้งสองสเปค

MG ZS EV

ด้านระบบความปลอดภัยนั้นแทบจะเรียกได้ว่าได้รับการบรรจุแบบครบครัน แต่ MG ZS EV สเปคไทย จะได้ออพชั่นที่เยอะกว่าเล็กน้อยล้ำกว่า ซึ่งในสเปคจีนยังไม่มี เช่น ระบบเสริมความปลอดภัยในขณะขับขี่ Advanced Driver-Assistance Systems จะได้รับทั้ง

  •  ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-Beam Control)
  •  ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
  •  ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
  •  ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward       Collision Warning)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
  • ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
  • ระบบเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)

MG ZS EV

แต่สิ่งที่แตกต่างของ MG ZS EV และ MG eZS อย่างชัดเจนที่สุดก็คือ ระบบอินโฟเทนเมนต์และความบันเทิง โดย MG ZS EV สเปคไทยชูโรงด้วยระบบสั่งการอัจฉริยะ i-SMART ที่รองรับคำสั่งเสียงภาษาไทย พร้อมรองรับารเชื่อมต่อข้อมูลรถผ่านสมาร์ทโฟน และระบบเลขาส่วนตัว MG Call Center เป็นต้น แต่ MG eZS “ล้ำกว่า” ด้วยนวัตกรรม Zebra Zhixing System 2.0 ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่พัฒนาเป็นพิเศษ ระบบปล่อย Hotspot Wi-Fi, ตัวรถรองรับการเชื่อมต่อ 4G เป็นต้น

MG ZS EV

จากข้อมูลที่กล่าวทั้งหมดนี้ MG ZS EV สเปคไทย จะมีความใกล้เคียงกับ  MG eZS สเปคจีนเกรดท็อปสุด (E-Pro) ราคา 149,800 หยวน หรือราวๆ 6.7 แสนบาท เพียงแค่ไม่มีระบบฮีตเตอร์ที่เบาะนั่งเท่านั้น ด้านออพชั่นนั้นจะเน้นระบบความปลอดภัยมากกว่า ส่วนระบบอินโฟเทนเมนต์ถูกพัฒนาให้สามารถรองรับการใช้งานเฉพาะในแต่ละประเทศ เครือข่ายระบบไร้สาย และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค แต่สิ่งที่แตกต่างกันอีกอย่างหนึ่งก็คือ รัฐบาลจีนมีนโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยการออกเงินสนับสนุน 18,000 หยวนหรือราวๆ 80,000 กว่าบาท แต่เมื่อเทียบกับออพชั่นและเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์คนไทย ก็ถือได้ว่าคุ้มอยู่