Toyota ยอดขายรถยนต์ สถิติ โตโยต้า

สรุปยอดขายรถเดือนพฤศจิกายนเริ่มส่งสัญญาณบวก แม้หดตัวเพียง 3.2%

โตโยต้า รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนพฤศจิกายน 2564 ยังคงชะลอตัวต่อเนื่องในทุกเซ็กเมนท์ แต่มีอัตราการหดตัวที่ลดลงเพียง 3.2% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว %

Home / AUTO / สรุปยอดขายรถเดือนพฤศจิกายนเริ่มส่งสัญญาณบวก แม้หดตัวเพียง 3.2%

นายสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนพฤศจิกายน 2564 ยังคงชะลอตัวต่อเนื่องในทุกเซ็กเมนท์ โดยมียอดขายรวมทั้งสิ้น 71,716 คัน แต่มีอัตราการหดตัวที่ลดลงเพียง 3.2% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 23,793 คัน เพิ่มขึ้น 5.9% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 47,923 คัน ลดลง 7.2% ขณะที่รถกระบะขนาด 1 ตัน มีจำนวน 38,550 คัน ลดลง 5.6% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ตลาดรถยนต์เดือนพฤศจิกายน 2564 มีปริมาณการขาย 71,716 คัน ลดลง 3.2% โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 5.9% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 7.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา สืบเนื่องจากภาวะการระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ยังคงเกิดขึ้นทั่วประเทศ ส่งผลกระทบและเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน การดำเนินธุรกิจ จนถึงภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่ถดถอยลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจการท่องเที่ยว และบริการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทำให้ผู้บริโภคยังคงชะลอการตัดสินใจซื้อ และรัดกุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อรอจังหวะการใช้จ่ายที่เหมาะสม

Toyota

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนตพฤศจิกายน 2564

1.ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 71,716 คัน ลดลง 3.2% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 Toyota 23,168 คัน ลดลง 9.9% ส่วนแบ่งตลาด 32.3%
อันดับที่ 2 Isuzu 18,419 คัน ลดลง 7.2% ส่วนแบ่งตลาด 25.7%
อันดับที่ 3 Honda 8,624 คัน ลดลง 4.3% ส่วนแบ่งตลาด 12.0%

2.ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 23,793 คัน เพิ่มขึ้น 5.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 Honda 8,062 คัน ลดลง 11.5% ส่วนแบ่งตลาด 33.9%
อันดับที่ 2 Toyota 6,304 คัน ลดลง 0.9% ส่วนแบ่งตลาด 26.5%
อันดับที่ 3 Suzuki 2,242 คัน ลดลง 11.7% ส่วนแบ่งตลาด 9.4%

3.ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 47,923 คัน ลดลง 7.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 Isuzu 18,419 คัน ลดลง 7.2% ส่วนแบ่งตลาด 38.4%
อันดับที่ 2 Toyota 16,864 คัน ลดลง 13.4% ส่วนแบ่งตลาด 35.2%
อันดับที่ 3 Ford 2,859 คัน เพิ่มขึ้น 7.9% ส่วนแบ่งตลาด 6.0%

ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 38,550 คัน ลดลง 5.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 Isuzu 16,956 คัน ลดลง 5.9% ส่วนแบ่งตลาด 44.0%
อันดับที่ 2 Toyota 14,888 คัน ลดลง 10.4% ส่วนแบ่งตลาด 38.6%
อันดับที่ 3 Ford 2,859 คัน เพิ่มขึ้น 7.9% ส่วนแบ่งตลาด 7.4%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 5,410 คัน

  1. Toyota 2,338 คัน
  2. Isuzu 1,734 คัน
  3. Mitsubishi 651 คัน
  4. Ford 482 คัน
  5. Nissan 205 คัน

5.ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 33,140 คัน ลดลง 9.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 Isuzu 15,222 คัน ลดลง 4.5% ส่วนแบ่งตลาด 45.9%
อันดับที่ 2 Toyota 12,550 คัน ลดลง 9.3% ส่วนแบ่งตลาด 37.9%
อันดับที่ 3 Ford 2,377 คัน เพิ่มขึ้น 8.1% ส่วนแบ่งตลาด 7.2%

ตลาดรถยนต์ในเดือนธันวาคมมีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ในประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้น ส่งผลดีต่อการประกอบธุรกิจต่าง ๆ และประชาชนสามารถดำเนินชีวิตได้ใกล้เคียงกับในสภาวะปกติ ทั้งนี้ยังเป็นการลดผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยฟื้นตัว

โดยสถานการณ์ตลาดรถยนต์จะขยับตัวดีขึ้น สืบเนื่องจากทุกค่ายรถยนต์ต่างแข่งขันกันนำเสนอแคมเปญส่งเสริมการขายในช่วงสิ้นปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 38 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี โดยมีผู้เข้าร่วมงานจำนวนมากถึง 1,151,540 คน และยอดจองรถยนต์ในงานมากถึง 31,583 คัน ไม่นับรวมยอดจองรถยนต์ตามโชว์รูมผู้แทนจำหน่ายทุกยี่ห้อทั่วประเทศ ภายใต้ข้อเสนอพิเศษ “เงื่อนไขเดียวกับมอเตอร์โชว์” เป็นตัวกระตุ้นการตัดสินใจซื้อรถยนต์ของลูกค้าได้อย่างสัมฤทธิ์ผล

แต่อย่างไรก็ตามสถานการณ์ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ “โอมิครอน” ที่เริ่มมีการแพร่ระบาดในหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทย เป็นปัจจัยลบต่อสถานการณ์ตลาดรถยนต์และสภาพเศรษฐกิจโดยรวมที่ต้องจับตามองต่อไป

Toyota

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2564

1.ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 668,109 คัน ลดลง 2.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 Toyota 212,573 คัน เพิ่มขึ้น 0.7% ส่วนแบ่งตลาด 31.8%
อันดับที่ 2 Isuzu 165,359 คัน เพิ่มขึ้น 4.5% ส่วนแบ่งตลาด 24.8%
อันดับที่ 3 Honda 77,136 คัน ลดลง 7.0% ส่วนแบ่งตลาด 11.5%

2.ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 219,883 คัน ลดลง 7.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 Honda 68,123 คัน ลดลง 1.3% ส่วนแบ่งตลาด 31.0%
อันดับที่ 2 Toyota 55,056 คัน ลดลง 7.2% ส่วนแบ่งตลาด 25.0%
อันดับที่ 3 Mazda 18,603 คัน ลดลง 12.9% ส่วนแบ่งตลาด 8.5%

3.ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 448,226 คัน ลดลง 0.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 Isuzu 157,517 คัน เพิ่มขึ้น 3.8% ส่วนแบ่งตลาด 35.1%
อันดับที่ 2 Toyota 165,359 คัน เพิ่มขึ้น 4.5% ส่วนแบ่งตลาด 36.9%
อันดับที่ 3 Ford 28,212 คัน เพิ่มขึ้น 11.7% ส่วนแบ่งตลาด 6.3%

4.ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 350,691 คัน ลดลง 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 Isuzu 150,272 คัน เพิ่มขึ้น 2.3% ส่วนแบ่งตลาด 42.9%
อันดับที่ 2Toyota 134,768 คัน เพิ่มขึ้น 4.1% ส่วนแบ่งตลาด 38.4%
อันดับที่ 3 Ford 28,212 คัน เพิ่มขึ้น 11.7% ส่วนแบ่งตลาด 8.0%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 45,744 คัน

  1. Toyota 20,403 คัน
  2. Isuzu 14,449 คัน
  3. Mitsubishi 5,747 คัน
  4. Ford 4,318 คัน
  5. Nissan 827 คัน

5.ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 304,947 คัน ลดลง 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 Isuzu 135,823 คัน ลดลง 4.1% ส่วนแบ่งตลาด 44.5%
อันดับที่ 2 Toyota 114,365 คัน เพิ่มขึ้น 1.7% ส่วนแบ่งตลาด 37.5%
อันดับที่ 3 Ford 23,894 คัน เพิ่มขึ้น 15.0% ส่วนแบ่งตลาด 7.8%