หลังจากทาง Great Wall Motor ได้เดินหน้านำเสนอยนตกรรมไฟฟ้าสำหรับตลาดในประเทศไทยภายใต้กลยุทธ์การเป็นผู้นำด้านยานยนต์พลังงานไฟฟ้า (xEV Leader) รวมถึงมีส่วนช่วยในการกระตุ้นและสร้างรากฐานให้กับ EV Ecosystem ในประเทศ หนึ่งในนั้นคือการเปิดตัว All-New ORA Good Cat อย่างเป็นทางการ ที่พร้อมให้แฟน ๆ ชาวไทยเป็นจับจองอย่างเป็นทางการ 29 ตุลาคมนี้
หลังจากการเผยโฉม ORA Good Cat ครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ และได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 42 ที่ผ่านมา โดยรถรุ่นนี้นอกจากจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ขนาดเล็กกำลังดีแล้ว ยังอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยหลายรายการ
โดย ORA Good Cat สเปคไทย จะเป็นรุ่นนำเข้าจากประเทศจีน พวงมาลัยขวา จัดจำหน่ายด้วยกัน 3 รุ่นย่อย ได้แก่ 400 TECH , 400 PRO และ 500 ULTRA โดยแต่ละรุ่นจะได้รับสีตัวถัง ออพชั่น และความจุแบตเตอรี่ที่แตกต่างกัน เริ่มจากรายละเอียดสีตัวถังและสีภายในแต่ละรุ่น จะมีรายละเอียดดังนี้
ORA Good Cat 400 TECH
สีรถภายนอก : 2 สี ได้แก่ สีดำ (Sun Black) และ สีขาว (Hamilton White)
สีรถภายใน : 1 สี ได้แก่ สีดำ (เบาะผ้า)
ORA Good Cat 400 PRO
สีรถภายนอก : 5 สี ได้แก่ สีแดงพร้อมหลังคาสีดำ (Mars Red with Black Roof) สีขาวพร้อมหลังคาสีดำ (Hamilton White with Black Roof) สีฟ้า (Coral Blue) สีดำ (Sun Black) และ สีขาว (Hamilton White)
สีรถภายใน : 1 สี ได้แก่ สีดำ (เบาะหนัง)
ORA Good Cat 500 ULTRA
สีรถภายนอก : 7 สี ได้แก่ สีเขียวพร้อมหลังคาสีขาว (Verdant Green with Hamilton White Roof), สีเบจพร้อมหลังคาสีน้ำตาล (Hazel Wood Beige with Wisdom Brown Roof), สีแดงพร้อมหลังคาสีดำ (Mars Red with Black Roof) สีขาวพร้อมหลังคาสีดำ (Hamilton White with Black Roof) สีฟ้า (Coral Blue) สีดำ (Sun Black) และสีขาว (Hamilton White)
สีรถภายใน : 3 สี ได้แก่ สีดำ (เบาะหนัง) สำหรับทุกตัวเลือกสีรถภายนอก ยกเว้นเลือกตัวรถสีเขียวพร้อมหลังคา
สีขาว (Verdant Green & Hamilton White) จะได้ภายในสีเขียว/เทา (เบาะหนัง)
และตัวรถสีเบจพร้อมหลังคาสีน้ำตาล (Hazel Wood Beige & Wisdom Brown) จะได้ภายในสีเบจ/น้ำตาล (เบาะหนัง)
ตัวถังภายนอกที่คลาสสิก เหนือกาลเวลา
ตัวถังภายนอกภายใต้คอนเซ็ปต์ Retro Futuristic ด้วยกระจังหน้าเรียบหรูชวนสะกดสายตา พร้อม Active Air Intake, ไฟหน้า LED ทรง Cat Eye ที่โดดเด่นเฉพาะตัวพร้อม Daytime Running Light และระบบ Follow Me Home, ไฟท้าย LED Tail light Strip ดีไซน์พาดยาวซ้ายจรดขวา พร้อมไฟเบรกดวงที่สามและไฟตัดหมอกหลังแบบ LED
มิติตัวถัง ORA Good Cat ประกอบด้วยความกว้าง x ยาว x สูง ที่ 1,825 x 4,235 x 1,596 มม. สัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศอยู่ที่ 0.273 ส่วนล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตมีขนาด 18 นิ้ว สำหรับรุ่น PRO และ ULTRA กับขนาด 17 นิ้ว สำหรับรุ่น TECH
ภายในหรูล้ำ เปี่ยมด้วยลูกเล่น
ภายในโดดเด่นด้วยการออกแบบอย่างประณีตภายใต้แนวคิด “Intelligent Cockpit with Exquisite Craftsmanship” และมอบความรู้สึกที่หรูหรา ล้ำสมัย โดดเด่นทุกสัมผัส เริ่มจากวัสดุภายในห้องโดยสารให้สัมผัสที่นุ่มนวล สบาย ดีไซน์ที่สวยงามช่วยให้ความรู้สึกสบายแก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
หน้าจอ Interactive Double Screen พาดยาวบริเวณคอนโซลของตัวรถมีขนาด 17.25 นิ้ว ที่มีความละเอียดสูง แบ่งออกเป็นหน้าจอแสดงผลการขับขี่แบบดิจิตอล (Full TFT) ขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอระบบมัลติมิเดียพร้อมระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว, ฟังก์ชั่นอินเทอร์เน็ตเพื่อความบันเทิงในรถยนต์ อาทิ การเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่น ฟังเพลง วิดีโอ พร้อมมอบความบันเทิงด้วยลำโพง 6 ตัว
ระบบสั่งการด้วยเสียงอัจฉริยะ สามารถควบคุมการใช้งานฟังก์ชันภายในรถด้วยเสียงได้ตลอดเวลา สามารถควบคุมเครื่องปรับอากาศ พาโนรามิคซันรูฟอัจฉริยะ ระบบนำทาง และมัลติมีเดียได้ในประโยคเดียว
การเชื่อมต่อโครงข่ายระยะไกลในสมาร์ทโฟนผ่านระบบ GWM Application ช่วยให้สามารถควบคุมการเปิด-ปิดการชาร์จ เครื่องปรับอากาศ ปิดหน้าต่าง ได้จากระยะไกล และสามารถดูสถานะของรถเพื่อวางแผนการใช้งานและการตรวจเช็คสภาพ
เบาะที่นั่งที่ถูกออกแบบมาอย่างถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์ โดยเบาะหน้ามาพร้อมฟังก์ชั่นปรับไฟฟ้า, ระบบเบาะนวดไฟฟ้า และ Welcome Seat ช่วยอำนวยความสะดวก และความผ่อนคลายแก่ผู้ขับขี่
ด้านออพชั่นอื่น ๆ ได้แก่ ระบบ Cockpit Cleaning System พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5, เบาะที่นั่งหลังสามารถพับลงได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการบรรทุกสัมภาระได้สูงสุดถึง 858 ลิตร, เกียร์ระบบ Electronic Shifter, ระบบชาร์จไร้สาย (Wireless Charging) แบบ Qi เป็นต้น
สมรรถนะที่ตอบโจทย์การขับขี่ในเมือง
ORA Good Cat ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลังสูงสุด 105 kW หรือ 143 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-50 กม./ชม. ใน 3.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 152 กม./ชม.
ระบบขับขี่ทั้งหมด 5 แบบ ได้แก่ มาตรฐาน, Sport, ECO, ECO+ และอัตโนมัติ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถปรับได้เองตามปริมาณแบตเตอรี่ที่คงเหลือ
ระบบการกู้คืนพลังงาน (Energy Recovery) ได้สามระดับ ได้แก่ น้อย, มาตรฐาน และมาก เพื่อการประหยัดพลังงาน และยังมีระบบตรวจสอบพฤติกรรมการขับขี่ เพื่อให้คะแนนพร้อมให้คำแนะนำในการขับขี่
แบตเตอรี่อันทรงพลัง
แบตเตอรี่ใน ORA Good Cat มาพร้อมอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยทางไฟฟ้าของรถยนต์กว่า 416 รายการ ระบบตรวจจับป้องกันการชนกันของแบตเตอรี่ 360 องศา กล่องแบตเตอรี่นิรภัยความแข็งแรงระดับ 3 มิติ พร้อมการควบคุมอุณหภูมิและระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวประสิทธิภาพสูง และระบบเตือนแบตเตอรี่อัจฉริยะ ให้ประสิทธิภาพในการป้องกันมาตรฐาน IPX9K และ IP67 ซึ่งสามารถป้องกันน้ำ การกัดกร่อน การชน อัคคีภัย และการกระแทกได้ โดยเมื่อเกิดการกระแทกระบบไฟฟ้าจะตัดการทำงานภายใน 0.1 วินาที เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
ทั้งนี้ ORA Good Cat จะได้รับแบตเตอรี่ที่แตกต่างกัน 2 รูปแบบ ดังนี้
400 TECH และ 400 PRO จะได้รับแบตเตอรี่ชนิดลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) ความจุ 47.788 kWh มีระยะทางวิ่งสูงสุด 400 กม./ชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ประสิทธิภาพการชาร์จแบบ DC จาก 0% – 80% ในเวลา 45 นาที กับ 30% – 80% ใน 32 นาที ส่วนชาร์จด้วยไฟบ้านแบบ AC ใช้เวลาถึง 8 ชั่วโมง
500 ULTRA จะได้รับแบตเตอรี่ชนิดลิเธียม Ternary (NMC) ความจุ 63.139 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุด 500 กม./ชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ประสิทธิภาพการชาร์จแบบ DC จาก 0% – 80% ในเวลา 60 นาที กับ 30% – 80% ใน 40 นาที ส่วนชาร์จด้วยไฟบ้านแบบ AC ใช้เวลาถึง 10 ชั่วโมง
แพลตฟอร์ม-ช่วงล่างที่แข็งแกร่ง ล้ำสมัย
GWM LEMON E PLATFORM แพลตฟอร์มโมดูล่าร์อัจฉริยะที่พัฒนาให้รองรับสำหรับใช้งานกับรถไฟฟ้า (BEV) โดยเฉพาะ ด้วยน้ำหนักเบา ช่วยให้การขับขี่ดีขึ้นทั้งในแง่ประสิทธิภาพการเร่ง การเบรก และการควบคุมพวงมาลัย รวมถึงทนทานสูง ขับได้ในทุกสภาพถนน
โดยผ่านการขับทดสอบบนถนนลูกรังกว่า 7,000 กิโลเมตร และมีการทดสอบในสภาวะแวดล้อมแบบสุดขั้วอีก 30,000 กิโลเมตร ช่วยสร้างความมั่นใจในความปลอดภัย และประสบการณ์ขับขี่อันยอดเยี่ยมในทุกสภาพถนน
ช่วงล่างประกอบด้วยระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัทและหลังแบบทอร์ชันบีม พร้อมเหล็กกันโคลง ให้การขับขี่ที่ยึดเกาะถนนและนั่งสบายเพื่อตอบสนองความต้องการของทุกคนในครอบครัว
ระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัย (Driver Assistance and Safety Systems)
Ora Good Cat พร้อมมอบความอุ่นใจแก่ผู้ขับขี่ และผู้โดยสารด้วยการจัดระบบความปลอดภัยที่ทันสมัยทั้งประสิทธิภาพเชิงป้องกัน (Active Safety) และประสิทธิภาพการป้องกันเมื่อเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีความปลอดภัยที่รองรับการขับขี่แบบอัตโนมัติในระดับ L2+ ที่ถือได้ว่าเป็น 1 ในจุดเด่นของรถรุ่นนี้
- ระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน (Active Safety)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC): มาพร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS ที่ประสานกับชิปควบคุมการขับเคลื่อนอัตโนมัติ EYEQ4 ของโมบายอาย ช่วยควบคุมในช่วงความเร็วเต็มพิกัดที่กำหนดไว้ รวมถึงการหยุดและรีสตาร์ทกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้า โดยรถจะลดความเร็วลงและหยุดตามคันหน้า และเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัวหลังจากเบรคภายใน 3 วินาที รถของเราจะเคลื่อนตัวตามคันข้างหน้าอัตโนมัติโดยจะมีระยะห่างการติดตาม
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA): เป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อใช้ความเร็วต่ำ โดยสามารถควบคุมรถให้ติดตามรถด้านหน้าหรือขับต่อไปด้วยความเร็วคงที่เพื่อลดภาระของผู้ขับขี่
ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI): ถือเป็นหนึ่งในระบบที่ดีทีสุดในระดับ L2+ ที่มาพร้อมระบบการตรวจจับคนเดินถนน และทางแยก โดยสามารถคำนวณระยะทางระหว่างรถและคนเดินถนนได้แบบเรียลไทม์มีสัญญาณเตือนด้วยเสียงและการเบรกอัตโนมัติช่วยหลีกเลี่ยงการชนหรือลดแรงกระแทก
การเบรกฉุกเฉินความเร็วต่ำ: เมื่อเรดาร์ทำงานจะตรวจสิ่งกีดขวางทั้งที่หยุดนิ่งหรือคนเดินถนนที่เคลื่อนที่ในแนวถอยจอด และหากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะชน ระบบจะช่วยเบรคให้อัตโนมัติ
โดยความเร็วขณะถอยจะไม่ต้องเกิน 8 กม./ชม.
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA): ช่วยควบคุมพวงมาลัยให้รถอยู่ในเลน โดยจะระบุเส้นแบ่งเลนถนนผ่านกล้องที่กระจกหน้ารถเมื่อคนขับเบี่ยงเลนโดยไม่รู้ตัว ระบบจะช่วยระบบจะช่วยควบคุมพวงมาลัยให้รถอยู่ในเลน เมื่อระบบตรวจสอบพบว่าผู้ขับขี่มีลักษณะการขับขี่ที่ไม่ปลอดภัยระบบจะแจ้งเตือนด้วยเสียง
ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW): แจ้งเตือนเมื่อรถกำลังออกนอกเลน เมื่อรถเบี่ยงออกจากเลนโดยไม่รู้ตัวระบบจะส่งเสียงเตือนเพื่อให้ผู้ขับขี่มีเวลาตอบสนองมากขึ้นเมื่อผู้ขับขี่มีอาการจาม อ่อนล้า ฯลฯ ซึ่งอาจทำให้รถเบี่ยงออกนอกเลน ระบบจะแจ้งเตือนโดยทันที
ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK): ช่วยควบคุมรถให้อยู่กึ่งกลางเลน
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK): โดยหากมีการตรวจสอบพบรถอีกคันกำลังแล่นมา หรือมีรถแซงขึ้นมาจากอีกเลนหนึ่ง ระบบจะทำการแทรกแซงการทำงานมากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดการชน
ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS): ระบบจะตรวจสอบรถบรรทุกขนาดใหญ่หรือรถที่มีขนาดยาว โดยในระหว่างการแซงระบบจะรักษาช่องว่างระหว่างรถตามระยะที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และจะประคองรถให้กลับสู่เลนเดิมอัตโนมัติ
การเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent Turn): เมื่อระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ทำงานกล้องจะทำการตรวจสอบความโค้งของถนน และความเร็วจะถูกปรับอัตโนมัติหากจำเป็นต้องลดความเร็วในขณะเข้าโค้งเพื่อความปลอดภัย และเมื่อผ่านโค้งไปแล้วรถจะกลับเข้าสู่ความเร็วเดิมที่ตั้งไว้
ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA): โดยเมื่อออกจากจุดที่หยุดนิ่งบนเนินสูงชัน เบรกจะยังคงค้างอยู่ราว 2 วินาที จนกระทั่งคันเร่งทำงานเพื่อป้องกันการถอยหลัง
ระบบตรวจความดันลมยาง (TPMS): โดยรถจะทำการวัดแรงดันลมยางอย่างต่อเนื่องและเตือนผู้ขับขี่หากมีแรงดันลมยางล้อใดลดลง
กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา: ประกอบไปด้วยกล้อง 4 ตัวรอบคัน มีความละเอียดคมชัด 4 Megapixel เพื่อสร้างภาพมุมมอง 360 องศาในแบบ “เฮลิคอปเตอร์” และเปิดการทำงานอัตโนมัติเมื่อเข้าสู่โหมดการถอยหลัง โดยสามารถดูได้เมื่อขับรถที่ความเร็ว 15 หรือ 30 กม./ชม และตอนสตาร์ทรถ
ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IAP): ใช้เซนเซอร์และกล้องในการตรวจสอบเพื่อตรวจจับวัตถุและเครื่องหมายบริเวณช่องจอดหรือจุดจอดรถและช่วยทำงานเต็มรูปแบบเพื่อเข้าจอด ทั้งแนวตั้ง แนวนอน หรือ แนวเฉียง โดยเมื่อระบุช่องว่างที่จะนำรถเข้าจอดแล้ว รถจะทำการจอดด้วยตัวเองด้วยการควบคุมพวงมาลัย เบรก และคันเร่ง
ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA): เซนเซอร์ช่วยตรวจสอบจุดอับสายตาด้านหลังของตัวรถทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของช่องทางเดินรถในขณะถอยหลัง เมื่อกำลังถอยหลังออกจากช่องจอดเข้าสู่ช่องจราจร เซนเซอร์หลังของรถจะทำการเช็กด้านซ้ายและขวาของช่องจราจร และส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียงและภาพ หากผู้ขับขี่ยังเพิกเฉย ไม่หยุดรถ
ระบบเบรกอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉินจะเริ่มทำงานด้วยการลดความเร็วและหยุดรถเพื่อหลีกเลี่ยงการชน
ระบบช่วยเตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ (DFM): ช่วยประเมินและวิเคราะห์ลักษณะในการขับขี่ เช่นมุมบังคับเลี้ยว การเบรก การควบคุมไฟส่องสว่าง และใบบัดน้ำฝน ระยะเวลาในการขับ หากพบว่ามีลักษณะการขับขี่ที่เหนื่อยล้า หรือหลังจากขับรถด้วยความเร็วเกิน 80 กม./ชม และขับรถมากกว่า 4 ชั่วโมง ระบบจะเตือนด้วยภาพและเสียงนาน 20 วินาที ทุก ๆ 10 นาที โดยสามารถทำการตั้งค่าใหม่ได้ก็ต่อเมื่อทำการหยุดรถเท่านั้นรถจะทำการแจ้งเตือนและแนะนำให้หยุดพัก
2. ระบบความปลอดภัยเชิงแก้ไข (Passive Safety)
โครงสร้างตัวถัง ทำจากเหล็กกล้า IronBone™: เหล็กขึ้นรูปร้อนที่มีความแข็งแรงสูงเป็นพิเศษที่สามารถต้านทานแรงดึงได้สูงถึง 1,520 Mpa รวมไปถึงเหล็กกล้าความแข็งแรงสูง 65%
และเหล็กเทอร์โมฟอร์ม 8 ชิ้น สามารถดูดซับและลดแรงกระแทกเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นหลัก
ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง: เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ในกรณีที่ถุงลมนิรภัยทำงาน สัญญาณเตือนอันตรายจะทำงาน ประตูจะถูกปลดล็อก รถจะโทรติดต่อศูนย์ช่วยเหลือฉุกเฉินและสามารถส่งตำแหน่งเพื่อขอความช่วยเหลือได้
รวมถึง ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยและ China Insurance Research Institute (C-IASI) ในระดับ Good, ระบบโทรหาเบอร์ฉุกเฉิน เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด ทุกที่นั่ง พร้อมระบบดึงรั้งและผ่อนแรงอัตโนมัติ เป็นต้น
ผู้สนใจสามารถชมคันจริงของ ORA Good Cat สเปคไทย พวงมาลัยขวา ได้ที่ GWM Experience Center, GWM Direct Store และ Partner Store ทุกสาขา ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และร่วมนับถอยหลัวเปิดราคาจริงพร้อมกัน 29 ตุลาคมนี้
และสามารถจองสิทธิ์ลงทะเบียนในแคมเปญ ORA Good Cat ULTRA DEAL ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 29 ตุลาคม 2564 เวลา 18.00 น.
